Print this page
กรมควบคุมโรคเตือนร่วม “งานศพ” ติดเชื้อแล้ว 747 รายกระจายหลายคลัสเตอร์ในจังหวัดต่างๆ ทั้งขอนแก่น ชัยภูมิ นครศรีธรรมราช อุดรธานี จันทบุรี เผยปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อ ทั้งกินอาหารร่วมกัน บางจุดดื่มเหล้า ไม่สวมหน้ากากอนามัย หนำซ้ำบางพื้นที่เล่นพนัน ขณะเดียวกันเตือนช่วงน้ำท่วมน้ำหลากพบติดเชื้อโควิดเป็นกลุ่มก้อนจากการเล่นน้ำเดิมพบ 52 ราย ล่าสุดเพิ่มเป็น 109 ราย
เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวถึงการติดเชื้อคลัสเตอร์งานศพ ว่า กรณีการติดเชื้อในการร่วมกิจกรรมงานศพนั้น ทางกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์เชิงรุก ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.- 19 ต.ค. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 747 ราย เป็นคลัสเตอร์ต่างๆ ทั้งขอนแก่นสะสม 4 คลัสเตอร์ ที่จบแล้ว 1 คลัสเตอร์ ชัยภูมิ 3 คลัสเตอร์ นครศรีธรรมราข 3 คลัสเตอร์ อุดรธานี 3 คลัสเตอร์ และจันทบุรี 2 คลัสเตอร์ โดยจำนวนติดเชื้อกระจายในหลายจังหวัด เช่น จันทบุรี มีผู้ที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับงานศพ 153 ราย, อุบลราชธานี 119 ราย,ปราจีนบุรี 79 ราย, อุดรธานี 72 ราย, สระแก้ว 39 ราย เป็นต้น
“โดยกิจกรรมเสี่ยงที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้องานศพ ได้แก่ 1.การรับประทานอาหารรวมกัน 2.บางพื้นที่ดื่มสุรา วนแก้วหลายคน 3.สวมหน้ากากอนามัยผิดวิธีหรือไม่สวม 4.เล่นพนัน 5.ผู้ที่มาร่วมงานพักค้างแรมกับบ้านเจ้าภาพ และ 6.ผู้ที่มีอาหารป่วยแต่ไม่ได้คัดกรองแล้วเข้าร่วมงาน สิ่งแหล่านี้ต้องใช้ความร่วมมือกัน ตัวท่านเองหากต้องไปร่วมงานต้องไม่มีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ ไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ ควรจะแจ้งเจ้าภาพว่า ไม่สบาย ขอไม่ไป เพราะโควิดอาจมีอาการน้อยมากๆ ส่วนการจัดอาหารในงานศพ หากสามารถจัดอาหารให้หิ้วกลับบ้านไปได้จะดีที่สุด” นพ.เฉวตสรร กล่าว
นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า ในช่วงที่น้ำหลากอาจพบการติดเชื้อโควิด 19 เป็นกลุ่มก้อนจากการเล่นน้ำ เนื่องจากมีการใกล้ชิด พูดคุย สัมผัสสารคัดหลั่ง น้ำมูก น้ำลาย หรือติดจากคนในครอบครัวที่ติดเชื้อแต่มีอาการน้อยและนำไปแพร่โรคได้ ซึ่งกรณีการติดเชื้อจากการเล่นน้ำท่วมจากเดิมพบ 52 รายก็เพิ่มถึง 109 ราย ว่า การเล่นน้ำในช่วงน้ำหลากหรือมีอุทกภัย ต้องระมัดระวังทั้งการพลัดตก จมน้ำ แม้ระดับน้ำไม่ลึก แต่ไหลแรงก็อันตรายถึงชีวิตได้
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
Hfocus ปิดการแสดงความคิดเห็นท้ายข่าว/บทความ
สำนักข่าว Hfocus มีความจำเป็นต้องปิดการแสดงความคิดเห็นในเนื้อหาที่นำเสนอ เนื่องจากที่ผ่านมามีการเผยแพร่ข้อความที่ไม่เหมาะสมในช่องแสดงความคิดเห็นดังกล่าว อาทิ การโฆษณาขายสินค้าที่สุ่มเสี่ยงต่อกฎหมาย การเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล ชื่อ นามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ ด้วยความเข้าใจผิด หรือเพื่อเป็นการกลั่นแกล้ง แม้จะลบข้อความดังกล่าวออกไปจากระบบเว็บไซต์ของสำนักข่าว Hfocus แล้ว แต่ก็ยังมีข้อความบางส่วนปรากฎอยู่ในฐานข้อมูลของ Google โดยต้องแจ้งให้ Google เป็นผู้ดำเนินการลบข้อความดังกล่าว
คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม