เฒ่าวัย 75 ที่อุดรธานี โดนเทเจอสาวรุ่นลูกหยอดหวานวานให้ไปส่งบ้าน ขณะสับท่อนมัน ตาแอบดีใจอยากจะย้อนวันวาน พาขับรถรอบเมืองพร้อมดื่มแวะหาเพื่อน แต่สุดท้ายสุดจะช้ำสาวปล่อยทิ้งไม่ได้กินข้าวทั้งวัน ลั่นหากไม่เอารถมาคืนจะไปแจ้งความแน่
วันนี้ (2 พ.ค.65) เวลา 19.15 น. นายวีระพล รักษ์เสมอวงษ์ แอ้ดมินเพจบ้านดุงอัพเดท รับแจ้งจากแฟนเพจว่ามีตาสายเปย์โดนสาวเทหลอกทิ้งไว้ข้างทางที่ถนนภายในหมู่บ้านบ้านฝาง ต.โพนสูง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี หลังอาสาไปส่งสาวรุ่นลูกที่บ้าน จึงเดินทางไปตรวจสอบพบกับ ตาทอง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 75 ปี ชาวบ้านบ้านหนองสว่าง ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานีนั่งหน้าเครียดด้วยความช้ำใจและกำลังนั่งทานข้าวกับปลากระป๋องหลังจากไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยงมาแล้วเพราะมีสาวแปลกหน้าหน้าตาดีมาตีสนิทชวนให้ขับรถพาไปส่งที่บ้านแต่สุดท้ายสุดท้ายเชิดรถจยย.หนี
โดยตาทอง เปิดเผยว่า ก่อนเที่ยงวันนี้ขณะที่ตนเองสับลำมันที่ทุ่งนาท้ายหมู่บ้านเพื่อจะเอาไปปลูก จู่ๆ ก็มีสาวใส่เสื้อคลุมสีแดง กางเกงยีนส์ เสื้อยืดสีเหลืองคาดสีขาว หน้าตาดีอายุประมาณ 35 ปีนั่งรถจยย.มาพร้อมผู้ชายคนหนึ่งในหมู่บ้าจำได้ว่าชื่อแจ๊ค ต่อมาหญิงคนนี้ก็เดินมาหาบอกว่า ตาๆ ไปส่งหนูหน่อยที่บ้านโพนหน่อย ส่วนผู้ชายที่มาส่งสาวคนนี้ก็ขับรถออกไป ตอนแรกตนเองบอกว่าไม่อยากไปเท่าไร เผื่อมีคนเห็นว่าจะตาอย่างโน้นอย่างนี้ สุดท้ายสาวคนนี้ก็คะยั้นคะยอให้ไปส่งบอกว่าให้ไปส่งที่บ้านโพน โดยสาวคนนี้เป็นคนขับแต่ดันพาขับรถทั่วเมืองบ้านดุง จากนั้นสาวนี้ก็แวะซื้อสปายดื่มที่ร้านค้า ตนเองก็เปลี่ยนเป็นคนขับกะว่าจะพามาส่งบ้านโพน โดยรถคันนี้ตนเองซื้อผ่อนงวดหมดแล้วเป็นรถจยย.ยี่ห้อยามาฮ่า x1 สีน้ำเงิน พอมาถึงบ้านฝางก็เลยแวะหาเพื่อนชื่อศูนย์ นั่งคุยกันสักแป็บ หญิงคนนี้ก็ขับรถออกไป เขาบอกอยู่ว่าจะยืมรถไปไหนสักแห่งแต่ตนเองหูหนวกไม่ได้ยินก็เลยให้เอารถไป
ตาทองบอกอีกว่า ถ้าไม่มาจอดที่บ้านเพื่อนคงจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้หรืออาจจะได้นอนด้วยกันก็ได้ ตาทองพูดไปหัวเราะไป นักข่าวถามติดตลกเรื่องนั้นสู้เขาได้ไหม ตาทองบอกว่า นักเลงอย่าถามกัน ตนเองไม่มีภรรยาตอนนี้อยู่ตัวคนเดียวใจลึกๆ ก็อาจจะจีบกับเขาก็ได้ถ้าเขามาดี ตนเองเลิกเล่นสาวๆ ตั้งแต่อายุ 57 ปีจากนั้นก็ไม่มีสาวๆ เลย แต่ตอนนี้ใจไม่ดีแล้วเพราะสาวเจ้าเอารถเราไป พรุ่งนี้จะไปแจ้งความแน่นอนหากไม่เอามาคืน จากนั้นหลานชายของตาทองก็มารับตาทองส่งที่บ้าน ส่วนรถพรุ่งนี้ค่อยตามหากันใหม่ ตาทองกล่าวตอนท้าย