วันนี้ (9 ก.ย.65) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.ปคบ., สั่งการให้ พ.ต.อ.เชษฐ์พันธ์ กิติเจริญศักดิ์ ผกก.1 บก.ปคบ. และ พ.ต.ต.ศิษฏพงศ์ สิริวัฒน์ สว.กก.1 บก.ปคบ. นำกำลังสนธิกับนายตรวจชั่งตวงวัด กรมการค้าภายใน และเจ้าพนักงานชุดปฏิบัติการพิเศษพญาไท กรมปศุสัตว์ จับกุมผู้ต้องหา 5 คน พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันเป็นผู้กระทำการใดๆ เพื่อให้เครื่องชั่งตวงวัดที่มีการให้คำรับรองตามมาตรา 30 แสดงน้ำหนัก ปริมาตร ปริมาณ หรือหน่วยใดๆ ผิดไปจากที่ได้รับการตรวจสอบความเที่ยงกับแบบมาตราเกินอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดตามที่กำหนดในกฎกระทรวง, ความผิดเป็นผู้ใช้หรือมีเครื่องชั่งตวงวัดไว้ เพื่อใช้ในการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินค้าโดยรู้ว่าเครื่องชั่งตวงวัดนั้นมีความเที่ยงผิดเกินอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดตามที่กำหนดในกฎกระทรวง และเป็นผู้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ใช้ซึ่งเครื่องชั่ง เครื่องตวง หรือเครื่องวัด ที่ผิดอัตราเพื่อเอาเปรียบในการค้าหรือมีเครื่องเช่นว่านั้นไว้เพื่อขาย และประกอบกิจการโรงฆ่าสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจับกุมได้ที่ ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี และ ต.สร้างก่อ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ
พ.ต.อ.ธรากร เผยว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก บก.ปคบ. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่า มีพ่อค้ารับซื้อหมูจากเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูโกงน้ำหนักในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดนครพนม โดยมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก จึงลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนทำการจับกุมได้ดังกล่าว ทั้งนี้ พบว่าผู้ต้องหาจะใช้กลวิธีเปลี่ยนตุ้มถ่วงสำหรับใช้อ่านน้ำหนัก ทำให้น้ำหนักการซื้อผิดไปจากความเป็นจริงครั้งละ 50 กิโลกรัมต่อการชั่งหมูหนึ่งกรง และใช้เครื่องชั่งที่มีความคลาดเคลื่อนเกินกฎหมายกำหนดส่งผลให้น้ำหนักหมูของเกษตรกรขาดหายไป 400 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวม 40,000 บาท และอีกรายใช้เครื่องชั่งที่ผิดอัตราเพื่อเอาเปรียบประชาชน ซึ่งน้ำหนักหมูขาดไปประมาณ 100 กิโลกรัม มูลค่าความเสียหายประมาณ 9,600 บาท ทั้งนี้ จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า เมื่อผู้ต้องหารับซื้อหมูแล้ว จะลักลอบเคลื่อนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อนำไปฆ่า ชำแหละยังโรงฆ่าสัตว์เถื่อน
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะใช้วิธีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยลงพื้นที่สำรวจกิจวัตรประจำวันของเกษตรกร จากนั้นจะเข้าไปเสนอราคารับซื้อสูงกว่าปกติ เช่น กิโลกรัมละ 5-10 บาท พอตกลงซื้อขายก็นัดเวลา แต่ไม่ไปตามนัด เช่น นัดเช้า ไปบ่ายแทน เพราะรู้กิจวัตรประจำวันว่าช่วงไหนมีคนอยู่บ้านน้อย เหลือแต่ผู้สูงอายุ ก็จะเข้าไปซื้อ และใช้วิธีโกงในรูปแบบต่างๆ อยากฝากเตือนเกษตรกรโปรดระมัดระวังและสังเกตพฤติกรรมการชั่งน้ำหนักของผู้รับซื้อ ถ้าพบเห็นการเอารัดเอาเปรียบ หรือสงสัยว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมให้แจ้งศูนย์ชั่งตวงวัด และสำนักงานสาขาชั่งตวงวัดทั่วประเทศ หรือแจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือแจ้งมายัง บก.ปคบ.
จึงได้ร่วมกันจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำผิด ในข้อหากระทำการใดๆ ที่ทำให้เครื่องชั่งแสดงค่าน้ำหนักเอาเปรียบประชาชนและ ใช้เครื่องชั่งที่ผิดอัตราเพื่อเอาเปรียบทางการค้า เป็นความผิดตามมาตรา 75 และ มาตรา 79 แห่ง พรบ.มาตราชั่งตวงวัด พ.ศ.2542 มีอัตราโทษจำคุก 3 ปี และปรับ 120,000 บาท และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270 มีโทษจำคุก 3 ปี หรือปรับ 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตามมาตรา 22 , 24 , 65 และ 66 แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 และมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2559