ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์: ความหวัง-ความกังวลของคนในพื้นที่
จากเมืองท่องเที่ยวที่คึกคักที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวปีละไม่ต่ำกว่า 13 ล้านคน ภูเก็ตในวันนี้เหมือนเมืองร้าง อาคารพาณิชย์ ร้านอาหาร และโรงแรมหลายแห่งปิดกิจการชั่วคราว ป้ายประกาศขาย เซ้ง หรือให้เช่ามีให้เห็นเกลื่อน เพราะเจ้าของเดิมสู้ต่อไม่ไหวนับจากเกิดการระบาดของโควิด-19 ที่ลากยาวมาตั้งแต่ต้นปี 2563
อาทิตยา หมอนวดชาวอุดรธานี วัย 47 ปี ย้ายมาปักหลักทำงานในภูเก็ตมากว่า 10 ปีแล้ว แม้แทบไม่มีนักท่องเที่ยวเลยมาหลายเดือนแล้ว เธอก็ยังมาประจำที่เต็นท์นวดที่ริมชายหาดป่าตองเหมือนอย่างเคย เบาะนวดวางเรียงราย หมอนวดพร้อมให้บริการอยู่นับสิบ แต่ลูกค้าเป็นศูนย์
“สถานการณ์แย่มาก (โควิดระบาด) รอบแรกก็ยังโอเค ยังมีเงินเก็บนิดหน่อยพอประทังชีวิตไปได้ แต่มารอบ3 นี่แย่มาก ไม่มีแขกเลย แล้วเราก็ถูกสั่งปิดอีกช่วงหลังสงกรานต์ เพิ่งมาเปิดได้แค่เดือนกว่า ๆ เอง” อาทิตยาโอดครวญ
“เรามานั่งรอแขกหน้าหาดทุกวัน บางทีก็ได้แขกอาทิตย์ละคนหรือสองคน จากแต่ก่อนที่ได้วันละ 30-40 คน ช่วงนี้ไม่มีรายได้พวกเราก็ตามหาข้าวที่เขาแจกให้ฟรีประทังชีวิต”
เช่นเดียวกับอีกหลายชีวิตในภูเก็ต ทั้งพ่อค้าแม่ค้า พนักงานบริการ ผู้ประกอบการรายย่อยและธุรกิจรายใหญ่ อาทิตยาหวังว่าฝันร้ายจะหมดไปนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (1 ก.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ จ.ภูเก็ตเริ่มต้นรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศภายใต้โครงการนำร่อง “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าว่าจะนำนักท่องเที่ยวเข้ามา 100,000 คน และมีเม็ดเงินสะพัดจากการท่องเที่ยวที่ 1.1 หมื่นล้านบาทในช่วง 3 เดือนแรกของโครงการคือเดือน ก.ค.-ก.ย.
แม้หลายคนจะรอคอยการเกิดขึ้นของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และลุ้นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ที่เข้ามาจะเป็นไปตามเป้าหรือไม่ แต่ด้วยเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่เกาะเป็นเวลา 14 วัน การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อกลายพันธุ์ในจังหวัดในภาคใต้ ทำให้ความหวังของการฟื้นฟูเศรษฐกิจในครั้งนี้มาพร้อมกับความกังวล ความกลัวและความไม่มั่นใจ อย่างที่ชาวภูเก็ตบางส่วนบรรยายความรู้สึกให้ทีมข่าวบีบีซีไทยฟัง