เช้านี้ที่หมอชิต – เหตุการณ์นี้มักจะเกิดในซอยเปลี่ยว และไม่มีไฟฟ้า อยู่เป็นประจำ หญิงอายุ 41 ปี กำลังจะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน แต่ถูกคนร้าย 2 คน ขี่ประกบถีบจนล้มตกแปลงไปในนาข้าว หมายชิงทรัพย์และข่มขืน แต่หญิงคนนี้ตั้งสติได้ จึงอ้อนวอนร้องขอชีวิต ก่อนคนร้ายจะเผ่นหนี
ตำรวจ สภ.บ้านดุง จังหวัดอุดรธานี รับแจ้งจากชาวบ้านตำบลบ้านชัย อำเภอบ้านดุง ว่าหญิงคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน แต่ถูกคนร้ายเป็นชายจำนวน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนกัน สะกดรอยตามก่อนใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ จนรถผู้เสียหายเสียหลักลงไปในแปลงนาข้าวข้างทาง จากนั้นหนึ่งในคนร้าย ได้พยายามชิงทรัพย์และข่มขืน เหตุเกิดบนถนนระหว่างหมู่บ้านบ้านงิ้วมีชัย-บ้านโนนสะอาด ตำบลบ้านชัย อำเภอบ้านดุง ซึ่งสองข้างทางเป็นทุ่งนาข้าว
ตำรวจจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้เสียหายเป็นหญิงอายุ 41 ปี มีสภาพเสื้อผ้าเปื้อนโคลน เนื้อตัวมอมแมม และยังอยู่ในการตกใจ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ในสภาพเปื้อนโคลน กระจกมองข้างซ้ายหัก ชาวบ้านได้ช่วยกันดึงขึ้นมาจากแปลงนาข้าว โดยพบว่าต้นข้าวที่อยู่ในแปลงนาริมถนน ล้มระเนระนาด
หญิงอายุ 41 ปี เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเธอได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้านเป็นทางเปลี่ยว และมืดไม่มีไฟส่องสว่าง จังหวะหนึ่งได้มีชายวัยรุ่น 2 คน อายุประมาณ 20-25 ปี พูดจาภาษาอีสาน ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบทะเบียน ซ้อนกันมาตามหลัง และขี่ขึ้นมาประกบด้านขวารถ จังหวะนั้นชายวัยรุ่นที่เป็นคนนั่งซ้อนได้ใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ของเธอจนเสียหลักแฉลบลงไหล่ทาง แต่รถไม่ล้ม และกำลังจะพยุงรถขึ้นมา แต่ชายคนเดิมได้ใช้เท้าถีบรถซ้ำอีกครั้ง จนทั้งคนทั้งรถกลิ้งตกลงในแปลงนาข้างทาง
จากนั้นได้ตามลงมาค่อมร่าง แล้วกระชากสร้อยคอทองรูปพรรณหนัก 1 สลึง จนขาด แล้วใช้กำปั้นชกตามลำตัวและท้องของเธอหลายครั้งจนจุกแทบพูดอะไรไม่ออก นอกจากนี้ บังคับให้ถอดหมวกกันน็อก และกระชากเสื้อ และชุดชั้นในจนขาด ไม่พอยังถกกางเกงของเธอลงถึงหน้าขา เหมือนจะพยายามจะข่มขืนอีกด้วย
หญิงอายุ 41 ปี เล่าต่ออีกว่า ตอนนั้นเธอเห็นท่าไม่ดีแล้ว เธอตั้งสติได้จึงพูดอ้อนวอนขอชีวิต หลังจากนั้นคนร้ายอีกคนที่นั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์ก็ตะโกนบอกเพื่อน ให้รีบมาขึ้นรถหลบหนี ก่อนที่คนร้ายทั้ง 2 คน จะขี่รถหลบหนีย้อนกลับไปทางเดิม หลังจากคนร้ายไปแล้ว เธอจึงได้คลานขึ้นมาจากแปลงนา เพื่อขอความช่วยเหลือจากรถที่ผ่านเส้นทาง
กระทั่งมีชาวบ้านขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาพอดี จึงได้เข้าช่วยเหลือไปส่งบ้านญาติที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 500 เมตร เพื่อให้มาช่วยนำรถขึ้นจากแปลงนา พร้อมกับโทรแจ้งตำรวจและผู้นำชุมชน โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ตนรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด
หลังเกิดเหตุผู้เสียหายก็ได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ก่อนเข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านดุง โดยผู้เสียหายบอกว่า หลังจากนี้ก็คงไม่ใช้รถจักรยานยนต์ในการเดินทางไปกลับจากที่ทำงาน และจะใช้รถยนต์ในการเดินทางไปทำงานแทน เพี่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำอีก หากตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้
เบื้องต้น ตำรวจชุดสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับสอบปากคำ เพื่อลำดับเหตุการณ์จากผู้เสียหาย เพื่อไปไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับหาวัตถุพยานเพิ่มเติมในจุดเกิดเหตุ