ชาวนาสะอื้น วอนนายกฯ พยุงราคาข้าวเปลือก สงสารชาวนาตาดำๆ บ้าง อย่าเอื้อแต่นายทุนอเกิดมา 60 ปีไม่เคยต่ำขนาดนี้ จะกอดคอตายกันแล้ว
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 4 พ.ย. 2564 ที่ทุ่งนาท้ายหมู่บ้านหนองตะไก้ หมู่ 5 ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ
อุดรธานี ผู้สื่อข่าวพบกันางจันทร์ศรี ทำวงศ์ศรี หรือยายขอด อายุ 60 ปี ชาวนาที่กำลังก้มหน้าก้มตาเกี่ยวข้าวดอ หรือข้าวที่เก็บเกี่ยวก่อนฤดู ร่วมกับญาติๆ หลังจากช่วงเช้าช่วยกันเก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว 2 ไร่เศษ เหลือเพียงเล็กน้อย จึงพากันมาเก็บเกี่ยวให้แล้วเสร็จในช่วงเย็น เพราะช่วงกลางวันแดดร้อน จำเป็นต้องหยุดพักผ่อน เนื่องจากมีแต่ผู้สูงวัย โดยคนหนุ่มสาวต้องไปทำงาน และจะมาเก็บเกี่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
นางจันทร์ศรี กล่าวด้วยเสียงสะอื้นว่า หลังทราบข่าวว่าราคาข้าวเปลือก 5 บาท/กก. รู้สึกเสียใจอย่างมาก กว่าจะปลูกข้าวมาเป็นรวงเป็นเมล็ดข้าวสาร ต้องลำบากตรากตรำอาบเหงื่อต่างน้ำ โชคดีที่อุดรธานีปีนี้ฝนไม่แล้ง น้ำไม่ท่วมเหมือนจังหวัดอื่น การทำนาปัจจุบันต้องมีต้นทุนที่สูง ผลพวงมาจากราคาน้ำมันที่ราคาพุ่งไม่หยุด ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ตนยังเป็นสาว ราคาน้ำมัน 5-7 บาท/ลิตร และสมดุลกับราคาข้าวเปลือกในขณะนั้นราคา 4-5 บาท/กก.
นางจันทร์ศรี กล่าวต่อว่า ขณะนี้มันต่างกันมาก ปุ๋ยแพง ค่าแรงเกี่ยวข้าวแพง อะไรก็แพงไปหมด หากปีไหนนาแล้งก็ต้องซื้อน้ำมันมาสูบน้ำเข้านาเลี้ยงต้นข้าว และปีไหนฝนดีน้ำท่วมนา ก็ต้องซื้อน้ำมันมาใส่เครื่องสูบน้ำออก เพื่อไม่ให้ข้าวเน่าเสียหาย อย่างเช่นวันนี้ก็ต้องจ้างแรงงานมาช่วยเกี่ยวข้าว และรถสีข้าวเปลือก ตนไม่มีเงินจ้างก็ให้ข้าวเปลือก 1 ถุงปุ๋ย แลกกับค่าจ้าง
จากนั้นนางจันทร์ศรีได้ยกมือขึ้นพนมพร้อมกับเสียงสะอื้นว่า “อยากฝากถึงท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยชาวนา โดยการพยุงราคาข้าวเปลือกให้ชาวนา อย่ามัวแต่ไปพยุงราคาข้าวสารให้โรงสี และนายทุน สงสารชาวนาตาดำๆ บ้าง ไม่ได้ว่าท่านนายกฯไม่ดี ที่ผ่านมาท่านก็ทำดีที่สุดแล้ว ขอให้ท่านนายกฯ ช่วยชาวนาตาดำๆ ด้วย
“ชาวนาในหมู่บ้านแทบจะกอดคอกันตายแล้ว เพราะตั้งแต่เกิดมาเป็นลูกชาวนา 60 ปี ไม่เคยเห็นราคาข้าวเปลือกตกต่ำสวนทางกับราคาน้ำมันหรือต้นทุนขนาดนี้ หากยังไม่มีอะไรดีขึ้น ตนก็อยากจะเดินทางไปถามท่านนายกฯ ถึงที่หน้ารัฐสภา หากมีแกนนำพาไป แต่ไม่ได้ไปสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง แค่อยากไปถามถึงเหตุผลที่ราคาข้าวเปลือกตกต่ำเท่านั้นเอง”
นางจันทร์ศรี กล่าวทิ้งท้ายว่า หากราคาข้าวเปลือกไม่ขยับขึ้นอย่างน้อย 10 บาท/กก. ตนก็จะไม่นำไปขายให้กับโรงสีหรือนายทุน แต่จะใช้เครื่องสีข้าวขนาดเล็กที่ตนซื้อผ่อนส่งในราคา 14,000 บาท สีข้าวเปลือกเป็นเมล็ดข้าวสารไว้กิน และแบ่งบรรจุถุงขายให้พ่อค้าแม่ค้าไปขายในตลาดนัดตามหมู่บ้านในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพราะข้าวที่ปลูกเป็นข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียวสันป่าตอง ที่คนไทยนิยมรับประทาน