19 กุมภาพันธ์ 2564 บรรยากาศที่ตลาดบ้านห้วย ถ.อุดรดุษฏี ต.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี เริ่มกลับมาคึกคักหลังเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาโครงการ “เราชนะ” ได้โอนเงินสิทธิ์งวดแรก 2,000 บาท เข้าแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” โดยเฉพาะช่วงเช้าและช่วงเย็นประชาชนออกมาซื้อของกินอาหารสำเร็จ และอาหารสด แผงขายของเกือบทุกแผง บรรดาพ่อค้าและแม่ค้าที่เข้าโครงการเราชนะก็ขายดีขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ยอดขายเงียบมานานจากผลกระทบการระบาดของโควิด-19
โดยภายในตลาดมีประชาชนมาใช้จ่ายมากกว่าปกติ ผ่านทั้งแอพพลิเคชั่นเกือบทั้งหมด แต่ก็ยังคงมีบางส่วนใช้เงินสดเติมเข้าไปกับแอพพลิเคชั่น แล้วใช้จ่ายโครงการ “คนละครึ่ง” ด้านผู้ที่มาซื้อของ ระบุว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชนได้ดีในช่วงนี้ ทำให้มีเงินใช้จ่ายสินค้าและอาหารการกิน อยากให้มีโครงการต่อไปเรื่อย ๆ หากมีการระบาดของโควิด-19 กลับมาอีก และอยากให้เข้าถึงประชาชนให้มากขึ้นกว่านี้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือคนที่มีโทรศัพท์มือถือที่ไม่มีระบบสมาร์ทโฟน
นางสาวเตือนตา สุทธิ อายุ 34 ปี แม่ค้าแผงอาหารทะเลสด ชาว ต.ชัยพร อ.บึงกาฬ จ.บึงกาฬ เปิดเผยว่า ตั้งแต่มีโครงการคนละครึ่งและเราชนะ มีลูกค้ามาจับจ่ายมากว่าปกติ หรือมากว่า 50 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะเมื่อวานตอนเย็นและวันนี้ ตลาดพลุกพล่านมาก เหมือนกับเป็นช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ก็ว่าได้ จากปกติลูกค้าจะซื้ออาหารทะเล 100-200 บาท แต่มีโครงการเราชนะ ให้เงินประชาชน ทำให้ลูกค้าเริ่มซื้อของเพิ่ม เป็น 500-600 บาท กล้าซื้อและกล้ากินอาหารทะเลมากขึ้น เพราะมีเงินในแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง โครงการดี ๆ ของรัฐบาลที่ช่วยเหลือประชาชน
- ศาลสั่งจำคุก “ดีเจมะตูม” 2 เดือน ปรับ 2 หมื่น
- โรงเรียนสตรีวิทยา 2 ประกาศปิดเรียน 7 วัน หลังพบผู้ปกครองติดเชื้อโควิด-19
- โซเชียลจวกยับ “อมรัตน์-วิโรจน์ หนีสภามาร่วมม็อบ
จากช่วงเทศกาลปีใหม่ในตลาดแทบจะไม่มีคนมาจับจ่ายเหมือนกับตลาดร้างก็ว่าได้ โดยเฉพาะอาหารทะเลกลัวว่าจะมีเชื้อไวรัสโควิดเจอปน แต่บางคนก็ไม่กลัวเพราะเขารู้จักวิธีป้องกัน และซื้อนำไปทำให้สุกก่อนรับประทาน หากประชาชนมีกำลังซื้อแม่ค้าอย่างพวกเราก็อยู่ได้ และเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเราด้วย และอยากให้โครงการนี้ยังอยู่ช่วยเหลือคนไทยต่อไป
นางสาวอาภาพร ลีลา อายุ 20 ปี น.ศ.ปวส.1 วิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี ชาว ต.บ้านธาตุ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี บอกว่า ในวันนี้ตนมาซื้อกุ้งและปลาหมึกสดไปฝากแม่ที่บ้าน เพราะเป็นวันสุดสัปดาห์ที่ตนจะกลับบ้านทุกวัน โดยใช้โครงการคนละครึ่งและเราชนะ ในการจับจ่าย และเป็นโครงการที่ดีมากของรัฐบาลที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชนได้มาก โดยเฉพาะคนว่างงานและตกงานในช่วงนี้ อยากให้รัฐบาลยังคงโครงการดี ๆ เช่นนี้ต่อไป แต่อยากให้ความสำคัญของการเข้าถึงแก่ผู้สูงอายุ เช่นคุณตา คุณยาย เพราะคนเหล่านี้ส่วนมากไม่มีสมาร์ทโฟน และน่าสงสารมากเพราะเดินทางไปไหนมาไหนลำบาก ไม่เหมือนวัยรุ่นและวัยกลางคนที่เขาสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
เช่นเดียวกับนางสาวจิตตลักษณ์ พงศ์นิพัทธ อายุ 29 ปี ชาว ต.หมากแข้ง ทน.อุดรธานี บอกว่า ตนได้มาซื้อกับข้าวที่ตลาดแห่งนี้ไปรับประทานกับครอบครัวที่บ้านเป็นประจำ โดยจ่ายเงินผ่านทางแอพพลิเคชั่น โครงการเราชนะและคนละครึ่ง ส่วนมากจะใช้จับจ่ายของใช้ส่วนตัว และอาหาร อยากให้รัฐบาลมีโครงการดี ๆ อย่างนี้ต่อไป แต่อยากให้แก้ไขการเข้าถึงโครงการหรือการลงทะเบียนได้ง่าย และรวดเร็วมากกว่านี้ โดยเฉพาะคนสูงวัยที่ ไม่มีสมาร์ทโฟน ต้องไปเข้าคิวรอยาวเหยียดอยู่หน้าธนาคาร เพื่อลงทะเบียนยืนยันรับสิทธิ แม้แต่ตัวเองเมื่อวานนี้ยังต้องไปยืนยันตัวตนที่ธนาคาร เนื่องจาก แอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ระบบล่ม รวมทั้งสแกนคิวอาร์โค้ดยืนยัน ในการจ่ายค่ากับข้าววันนี้ยังช้าเลย
ส่วนคุณแม่ที่อยู่บ้านก็ได้รับสิทธิ เนื่องจากน้องชายเป็นคนลงทะเบียนยืนยันการรับสิทธิ ผ่านทางสมาร์โฟนให้ อยากให้รัฐบาลยังคงโครงการนี้ไว้เพื่อช่วยเหลือประชาชนตามความเหมาะสม แต่ต้องกระจายไปให้ทั่วถึง และง่ายต่อการเข้าถึง รวมทั้งเพิ่มและขยายร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการให้ทั่วถึงด้วย โดยเฉพาะร้านโชว์ห่วย หรือ ร้านขายของชำ
เรื่องโดย เศกสันติ กัลยาณวิสุทธิ์ | ภาพโดย เศกสันติ กัลยาณวิสุทธิ์