ส่งผลให้ “กองทัพบก” ประสบความสำเร็จอย่างมาก หลังใช้สื่อทุกช่องทางของกองทัพ นำร่องพีอาร์เชิงรุก ทำให้ผลตอบรับของชายไทยที่สนใจ กว่า 1.8 หมื่นคน แห่มายื่นสมัครเข้าเป็น “นักเรียนนายสิบ ทบ.” (นนส.) และอีกหลายคนต้องการสมัครเป็น “พลอาสาสมัคร”
ดังนั้นการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าเป็น นักเรียนนายสิบทหารบก (นนส.) ประจำปีการศึกษา 2564 กองทัพบก ได้พิจารณานอกจากได้ขยายห้วงเวลา และใช้ช่องทางการรับสมัครด้วยระบบออนไลน์ ซึ่งได้ดำเนินการตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์แล้ว โดยประกาศและแจ้งให้ทราบ ทุกอย่างปราศจากค่าใช้จ่าย เพียงแค่เดินเข้ามาแต่ตัว ร่างกายพร้อม หัวใจรักชาติ เท่านั้นคุณก็อาจได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ

เพราะด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคร้าย ทำให้ปัจจุบันหลายอาชีพอยู่ในช่วงขาลง ทุกกิจการ ทุกงาน ส่งผลกระทบเหมือนกันหมด ดังนั้นการตีฆ้องบอกกล่าวให้ชายไทยเข้ามาเป็นทหาร จึงเป็นจังหวะที่ดีของผู้ที่สนใจ อย่างน้อยจะได้มีหลักประกันในชีวิตให้กับตัวเอง มีงานที่มั่นคง ได้รับใช้ชาติ พื้นที่หน่วยทหารจึงเปิดกว้างให้กับทุกคนที่มีความพร้อม มีคุณสมบัติพร้อม ได้ก้าวเข้ามาสู่หนทางในอาชีพนี้อย่างจริงจัง
ขณะเดียวกัน “กองทัพบก” ก็ได้ปรับกระบวนการจัดสอบคัดเลือกให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน ที่สำคัญ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ให้แนวทางการรับสมัครทหารปีนี้ให้เป็นไปตามแนวทางนโยบายที่มอบให้กับทุกหน่วยได้ดำเนินการ พร้อมมอบให้ทุกกองทัพภาคเป็นหน่วยจัดการสอบในแต่ละพื้นที่ มีการกระจายสนามสอบไปยังค่ายทหารในภูมิภาคให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ตามมาตรการ ป้องกันไวรัสโควิด-19 และเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้สมัครเข้าสอบคัดเลือกอย่างเต็มที่

โดยตระหนักดีว่า ผู้สมัครส่วนใหญ่เป็นบุคลที่มีความตั้งใจ และมีใจรักในอาชีพทหาร จึงประสงค์ที่จะให้การดูแลตั้งแต่ขั้นตอนแรกของกระบวนการรับราชการ
ในการสอบคัดเลือกขั้นแรก “กองทัพบก” เปิดการทดสอบสมรรถภาพทางกายในห้วงวันที่ 15-19 กุมภาพันธ์ 2564 และการสอบขั้นที่ 2 การทดสอบภาควิชาการ สัมภาษณ์ ตรวจร่างกาย ตรวจประวัติ หลักฐาน ในวันที่ 20-21 มีนาคม 2564

ทั้งนี้ การจัดสอบทั้ง 2 ขั้นตอน พล.อ.ณรงค์พันธ์ ต้องการให้กระจายสนามสอบไปในพื้นที่ส่วนภูมิภาค และมอบให้กองทัพภาค 1-4 เป็นหน่วยดำเนินการ โดยมีกรมยุทธศึกษาทหารบก รับผิดชอบและอำนวยการสอบในภาพรวม
ปีนี้ “กองทัพบก” จึงปรับกลยุทธ์ เน้นการประชาสัมพันธ์ เพื่อดึงดูดชายไทยที่มีคุณสมบัติครบให้เข้ามารับใช้ชาติอย่างแท้จริง เพื่อได้จำนวนเข้ามาสมัครตามต้องการ และหน่วยก็จะสามารถเลือกคนที่เหมาะสม คุณลักษณะตามความต้องการ ตรงกับสายงาน และเป็นผู้ที่มีคุณภาพ

ซึ่งสอดรับกับแนวคิดโครงการรับสมัครทหารแบบสมัครใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ที่ต้องการเห็นคนเข้ามาสมัครทหาร หรือการร้องขอกรณีพิเศษ หวังมุ่งสู่อนาคตในการเลิกจับ “ใบดำ-ใบแดง” เลิกการเกณฑ์ทหาร เพื่อจะได้ทหารตรงกับคุณสมบัติความต้องการของหน่วย และกลุ่มเป้าหมาย ความต้องการในการบรรจุกำลังพลออกมารับใช้ชาติ และมีโอกาสก้าวหน้าสู่ “นายร้อย”
สำหรับขั้นตอนการสอบนายสิบปีนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ได้มอบหมายให้ “หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ” (นสศ.) เป็นหน่วยหลักจัดทีมคณะกรรมการทดสอบร่างกาย จะแบ่งออกเป็นชุด เพื่อเดินทางไปทดสอบผู้สมัครในทุกกองทัพภาค และโรงพยาบาลค่ายในพื้นที่ดูแลเรื่องการตรวจร่างกาย ซึ่งเป็นการบูรณาการหน่วยงานในรูปคณะกรรมการระดับกองทัพบกเพื่อจัดการสอบคัดเลือกนักเรียนนายสิบทหารบก เป็นการเฉพาะ และดำรงมาตรฐานของระบบการคัดเลือกคัดสรรให้ได้บุคลที่มีคุณสมบัติมีความรู้ความสามารถตรงตามวัตถุประสงค์ของทางราชการ

การเปิดกว้างของ “กองทัพบก” ทำให้ผู้สมัครสอบสามารถเลือกพื้นที่สอบได้ตามความประสงค์และไม่มีค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบ ด้วยการกระจายสนามสอบไปยังพื้นที่ของกองทัพภาค (ทภ.) เป็นไปตามเจตนารมณ์และนโยบายของ “ผู้บัญชาการทหารบก” ที่ต้องการลดภาระให้กับผู้สมัครและผู้ปกครอง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการสอบ ค่าที่พัก การเดินทาง ทำให้มีเวลาในการเตรียมตัวได้อย่างเต็มที่
สิ่งสำคัญนโยบาย ทบ. ยังเปิดกว้างให้ ทหารกองประจำการ ที่มีความรักในอาชีพทหาร ได้มีโอกาสสมัครสอบคัดเลือกเข้ามาเป็น นนส.ได้ตามที่หน่วยทหารได้มีการเสริมสร้างและเตรียมความพร้อมไว้ให้แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ ทบ. ในการใช้งบประมาณในภารกิจของหน่วยทหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับราชการ ที่สำคัญเพื่อช่วยเหลืออุดหนุน แบ่งเบาภาระของประชาชนในสถานการณ์โควิด และยังเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายในท้องถิ่นอีกด้วย

โดย “กองทัพภาคที่ 1” จัดที่ กรมยุทธศึกษาทหารบก (กทม.) ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ลพบุรี) ค่ายบุรฉัตร (ราชบุรี)
“กองทัพภาคที่ 2” จัดที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา (นครราชสีมา) โรงเรียนกีฬา (อุบลราชธานี) มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งประเทศไทย (อุดรธานี)

“กองทัพภาคที่ 3” จัดที่ ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ (พิษณุโลก) ค่ายเจ้าขุนเณร (เชียงใหม่),
“กองทัพภาคที่ 4” จัดที่ค่ายวชิราวุธ และค่ายเทพสตรีศรีสุนทร (นครศรีธรรมราช) ค่ายเสนาณรงค์ (สงขลา) ค่ายเขตอุดมศักดิ์ (ชุมพร) ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 9 (ยะลา)

ทั้งนี้ “กองทัพภาคที่ 1” ดำเนินการทดสอบสมรรถภาพร่างกายให้แก่ผู้ที่สมัครสอบเข้าเป็น นนส. พื่อคัดเลือกดำเนินการจัดตั้งกองอำนวยการสอบคัดเลือกฯ ประจำสนามสอบ บูรณาการหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำรงมาตรฐานของระบบการคัดเลือก ให้ได้บุคคลที่มีคุณสมบัติ มีความรู้ความสามารถตรงตามวัตถุประสงค์ของทางราชการ สำหรับการทดสอบได้แบ่งการทดสอบเป็น 5 สถานี ประกอบด้วย สถานีดึงข้อ สถานีลุกนั่ง สถานีดันพื้น สถานีวิ่ง 1,000 เมตร และสถานีว่ายน้ำ 25 เมตร
โดยทุกสนามสอบจะต้องกำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเคร่งครัด
ขณะที่ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 ผู้อำนวยการทดสอบ ระบุ ได้สั่งการให้จัดผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพภาคที่ 1 เป็นหัวหน้าสนามสอบในทุกพื้นที่

กรมยุทธศึกษาทหารบก (กทม.) มอบหมายให้ พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ รองแม่ทัพภาคที่ 1 กองพลทหารช่าง ค่ายบุรฉัตร (จ.ราชบุรี) พล.ต.ไกรภพ ไชยพันธุ์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1
หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (จ.ลพบุรี) พ.อ.ประพนธ์ กิติญาณทรัพย์ รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 ผู้สมัครสอบสามารถเลือกพื้นที่สอบได้ตามความประสงค์และไม่มีค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบ

กองทัพภาคที่ 2 โดย พล.ท.ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 2 มั่นใจ หลังตรวจเยี่ยมการสอบนักเรียนนายสิบทหารบก ในสนามสอบทั้งอุบลฯ นครราชสีมา และอุดรธานี เน้นย้ำให้คณะกรรมการปฏิบัติตามกฎระเบียบการสอบ ของกรมยุทธศึกษาทหารบก ทั้ง 5 สถานี ได้แก่ ดึงข้อ ลุกนั่ง ดันพื้น วิ่ง ว่ายน้ำ และให้เป็นตามนโยบายผู้บัญชาการทหารบก ที่ต้องการลดภาระให้กับผู้สมัครและผู้ปกครอง ลดการแออัด สอดรับกับมาตรการป้องกันโควิด-19
เช่นเดียวกัน กองทัพภาคที่ 3 พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาค 3 ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมการสอบคัดเลือกด้วยตัวเอง ณ ลานอเนกประสงค์ ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก และสนามสอบออกที่ 2 ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ค่ายกองพลทหารราบที่ 7 จะดำเนินการสอบจนกว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 17 ก.พ.นี้

ขณะที่ กองทัพภาคที่ 4 ใช้ลานหน้าสโมสรหลังเก่ามณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดย พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางตรวจเยี่ยมการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย พร้อมเน้นย้ำให้เป็นไปตามนโยบายของกองทัพบก ที่คงมาตรฐาน ปฏิบัติเป็นไปในระเบียบแบบแผนเดียวกัน ยึดความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม และตรวจสอบได้ จากนั้นจะทำการทดสอบในภาควิชาการ สัมภาษณ์ ตรวจร่างกาย ตรวจประวัติ หลักฐานต่างๆ
ในพื้นที่ภาคใต้กำหนดให้มีสนามสอบ 5 สนาม ในการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย โดยใช้สถานที่ของมณฑลทหารบกเป็นสนามสอบ คือ มทบ.41, มทบ.42, มทบ.43, มทบ.45 และ มทบ.46 ซึ่งผู้สมัครสามารถเลือกสนามทดสอบที่ใกล้เคียงได้ ขณะที่คณะกรรมการแต่ละภูมิภาคจะมีการคละกันในแต่ละพื้นที่ เพื่อป้องกันการทุจริต ซึ่งจะมีกรรมการจากกรมยุทธศึกษาทหารบก เป็นกรรมการกลางตรวจสอบความเป็นมาตรฐานทุกสถานี

โดยเน้นความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม และตรวจสอบได้ เพื่อไม่ให้เกิดการร้องเรียนตามมาในภายหลัง
ดังนั้นชายไทยทุกคนที่เข้ามาสมัครสอบเป็นนักเรียนนายสิบ ขอให้มีความมั่นใจในความบริสุทธิ์ยุติธรรมของกองทัพบก ที่จะยึดถือมาตรฐานของการสอบเป็นไปในรูปแบบเดียวกัน มีคณะกรรมการกลางคอยตรวจสอบ ป้องกันการทุจริต

ที่สำคัญ ทบ. ได้ปิดช่องโหว่การทุจริตทุกช่องทาง เพื่อให้ได้คนที่มีคุณลักษณะตามที่หน่วยต้องการ ให้เข้ามารับใช้ชาติ เพียงคุณมีร่างกายที่พร้อม กับใจที่มุ่งมั่น และตั้งใจเข้ามา เพื่อเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นครอบครัวกองทัพบก เพราะการเป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คิด.
ผู้เขียน : ยุทธจักรเขียว
กราฟิก : sathit chuephanngam