เช้านี้ที่หมอชิต – ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 สั่งดำเนินการอย่างเฉียบขาดกับตำรวจนอกรีต ที่ออกตระเวนเรียกเก็บเงินค่าคุ้มครองในร้านนวดแผนไทย จังหวัดหนองคาย หลังเจ้าของร้านที่ตกเป็นเหยื่อกว่า 15 แห่ง รวมตัวกันเข้าแจ้งความตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย และพบว่าเป็นตำรวจจริง
นี่เป็นหลักฐานกล้องวงจรปิด จับภาพขณะที่หญิงร่างท้วมสวมชุดดำคนหนึ่ง พร้อมด้วยชายฉกรรจ์ที่แต่งกายคล้ายตำรวจ โดยทั้งคู่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจจากส่วนกลาง มาเรียกเก็บส่วยเป็นค่าคุ้มครองจากเจ้าของร้านนวดแผนไทยรายนี้ เป็นเงิน 1,000 บาท บอกว่า นายสั่งมาให้เรียกเก็บ พร้อมทั้งข่มขู่ว่า หากไม่จ่ายจะเรียกตำรวจท้องที่มาจับกุม ทำให้เธอเกิดความหวาดกลัว จึงยอมจ่ายเงินให้ไป 500 บาท เหตุเกิดในช่วง 21.00 น.เศษ ของวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยคนกลุ่มนี้มาด้วยกันทั้งหมด 4 คน แต่ลงจากรถมาเพียง 2 คน เท่านั้น ขับรถมาด้วยกัน 3 คัน เป็นรถกระบะและรถอเนกประสงค์ สีขาว หมวดป้ายทะเบียนกรุงเทพฯ มีสติกเกอร์ตำรวจติดอยู่ข้างรถ
ผู้เสียหาย บอกว่า ตอนที่นั่งคุยกันหน้าร้านได้สอบถามกลุ่มคนดังกล่าวกลับไปว่า ร้านนวดของเธอมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทำไมถึงมาเรียกเก็บค่าคุ้มครอง แต่กลุ่มคนดังกล่าวไม่ได้ตอบ พร้อมกับรับเงิน 500 บาท แล้วก็เดินออกไป และทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า เดือนหน้าจะมาเก็บอีก
หลังเกิดเหตุเธอได้สอบถามเจ้าของร้านนวดแผนไทยในละแวกใกล้เคียงกัน ก็ได้รับคำตอบว่า ถูกคนร้ายกลุ่มนี้มาเรียกเก็บเงินค่าคุ้มครองร้านละ 500-1,000 บาท จึงได้โทรแจ้งตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย มาตรวจสอบ เมื่อกลุ่มคนดังกล่าวเห็นตำรวจสายตรวจจึงรีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเธอเองคิดว่าถูกหลอกอย่างแน่นอน จึงรวมตัวกับผู้เสียหายคนอื่น ๆ เข้าแจ้งความ
จากการตรวจสอบของตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย พบว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นตำรวจสังกัด สภ.เมืองอุดรธานี มียศนายดาบตำรวจ โดยล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย ได้รายงานเรื่องให้ พลตำรวจโท ยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ทราบแล้ว พร้อมกับประสานไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมคาดโทษทางอาญาและวินัยอย่างร้ายแรง จนถึงขั้นอาจจะถูกให้ออกจากราชการในทันที