อว. จับมือมูลนิธิ ณภาฯ ในพระราชดำริฯ วิจัยวัตถุดิบในชุมชนด้วยวิทยาศาสตร์ ดันทำต้นแบบผลิตภัณฑ์บํารุงผิว – บํารุงผิวหน้า หวังสร้าง “ไทยแบรนด์” สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับผู้พ้นโทษ ผู้ขาดโอกาส และชุมชน
อังคารที่ 9 มีนาคม 2564 เวลา 16.05 น.
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เปิดเผยระหว่างการลงนามความร่วมมือ เรื่อง “การสนับสนุนการศึกษาวิจัย พัฒนาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม” และ ““การสนับสนุนการศึกษาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสารสกัดจากพืชสมุนไพรไทย” ระหว่างมูลนิธิ ณภาฯ ในพระราชดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) อุดรธานี และ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ว่า ความร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้เห็นถึงการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของ อว.ไปให้บริการมูลนิธิณภาฯ ในพระราชดำริฯ ซึ่งจะมีผลต่อประชาชนและชุมชนต่างๆ โดยมูลนิธินภาฯ จะเข้ามาช่วยทำแบรนด์ ทำตลาด เสริมในสิ่งที่ อว.ยังขาดอยู่ ขณะที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ ก็นำความรู้ลงสู่ชุมชนเช่นเดียวกับ วว. วศ.จะได้นำงานวิจัยของตนเองมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้าน ผศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการ รมว.อว.และ โฆษก อว. กล่าวว่า อว.จะนำงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนมาสร้างเป็นแบรนด์ไทยที่มีเข้มแข็งขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน ขณะเดียวกันความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยสร้างทักษะให้กับชุมชนในการพัฒนาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ชุมชนให้เป็นสากลยิ่งขึ้นเพื่อสร้างรายได้สามารถแข่งขันในตลาดสินค้าได้
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้ง 5 หน่วยงานจะร่วมกันศึกษาวิจัย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยยึดหลัก BCG Model โดยนำวัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นมาพัฒนาต่อยอดให้ได้สินค้าที่มีเอกลักษณ์และมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล มีกำหนดระยะเวลาความร่วมมือ 3 ปี โดยไฮไลต์ คือการศึกษาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสารสกัดจากพืชสมุนไพรไทยท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อทำผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณของสมุนไพรไทยตามมาตรฐานสากลและสามารถใช้ประโยชน์ ในเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้พ้นโทษ ผู้ขาดโอกาส และชุมชนอย่างยั่งยืน
ที่น่าสนใจคือการวิจัยสารสกัดจากพืชสมุนไพรไทย ได้แก่ ดอกบัวแดง ดอกจันทน์กะพ้อ ดอกเก็ดถวา และดอกกฤษณา เพื่อสกัดเป็นสารออกฤทธิ์สารหอมระเหย หรือ สารสกัดรูปแบบอื่นที่สามารถนํามาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ โดยจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบการบํารุงผิว ผลิตภัณฑ์บํารุงผิวหน้า ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผม ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการทําความสะอาดในครัวเรือน และผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยในส่วนของ วว.จะมีการจัดตั้งเป็นศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการสกัดสารออกฤทธิ์และสารหอมระเหย จากพืชสมุนไพรให้กับมูลนิธิ ณภาฯ ในพื้นที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ของ สํานักงานโครงการส่วนพระองค์ฯ ของกรมหลวงราชสาริณีด้วย
คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่
- เห็นด้วย
0%
- ไม่เห็นด้วย
0%