1.รวบแล้ว “บังหลี” อดีตนักมวยมือฆ่าแหม่มสวิสที่ภูเก็ต หมายข่มขืน แต่เหยื่อต่อสู้ จึงฆ่าปิดปาก!
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ชาวบ้านได้พบศพนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเสียชีวิตบริเวณน้ำตกโตนอ่าวยน ต.วิชิต อ.เมือง บ.ภูเก็ต ในสภาพศพเปลือยท่อนล่าง ร่างถูกห่อด้วยผ้ายางสีดำผืนใหญ่ ลอยคว่ำหน้าอยู่ในลำธารน้ำตก ทราบชื่อภายหลัง คือ MRS.NICOLE SAUVAIN WEISSKOPF (นิโคล ซาเว่น ไวส์คอป) สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ อายุ 57 ปี เป็นรองหัวหน้าพิธีการทูตของสมัชชาสหพันธรัฐเยอรมนี และเลขาธิการสมาคมอดีตสมาชิกวุฒิสภาสวิตเซอร์แลนด์ ที่เพิ่งเดินทางมาเที่ยวเกาะภูเก็ต ตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน
หลังเกิดเหตุดังกล่าว พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบช.ภ.8 ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามและเร่งคลี่คลายคดี เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์และอยู่ในความสนใจของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในภูเก็ต หลังจากที่ภูเก็ตเปิดเมืองรับต่างชาติตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
วันต่อมา (6 ส.ค.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้ลงพื้นที่ภูเก็ตเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีด้วยตนเอง โดยบริเวณทางขึ้นน้ำตก พบว่า มีผู้ที่ทราบข่าวนำช่อดอกไม้สีขาวมาวางไว้ เพื่อแสดงการไว้อาลัยแก่ผู้ที่เสียชีวิต โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยสังเกตการณ์สถานการณ์อยู่โดยรอบ
ขณะที่ผู้บริหารนิกรมารีนกรุ๊ป จำกัด นำโดยนางวิรินทร์ตรา ปภากิจยศพัฒน์ ในฐานะนายกสมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวภูเก็ต และพนักงานของบริษัท ได้สวมชุดสีขาวจุดเทียน บริเวณหน้าบริษัทฯ เพื่อแสดงความเสียใจต่อกรณีการเสียชีวิตของ นางนิโคล ซาเว่น ด้วย
ล่าสุด (7 ส.ค.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางกลับจากการลงพื้นที่ภูเก็ตเพื่อติดตามคลี่คลายคดีว่า มีข่าวดีในคดีการเสียชีวิตของหญิงชาวสวิส ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า สามารถจับผู้กระทำผิดได้แล้วใช่หรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็ต้องได้สิ ส่วนจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติยังไม่ขอเปิดเผย
มีรายงานว่า ระหว่างที่ ผบ.ตร.นำทีมสืบสวนลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจภูธรภาค 8 และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เข้าตรวจสอบแคมป์คนงานก่อสร้าง 3 แห่ง ในจังหวัดภูเก็ต ที่มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอยู่จำนวนมาก เนื่องจากสงสัยว่า ผู้ก่อเหตุอาจจะไม่ใช่คนไทย และอาจติดยาเสพติด หรือมึนเมาสุรา โดยเทียบเคียงกับคดีเก่าที่เคยเกิดขึ้น
นอกจากนี้ ผบ.ตร. พร้อมด้วยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รักษาการผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันจำลองเหตุการณ์การเดินทางออกจากโรงแรมของนักท่องเที่ยวไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่า ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 20 นาที ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นคนไทย อยู่ไม่ห่างจากจุดที่เกิดเหตุมากนักมาสอบสวนที่ สภ.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในการสืบสวนและปูพรมคนในพื้นที่ใกล้เคียง ก่อนได้ตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้มาซักถาม ทราบชื่อคือ นายธีรวัฒน์ อายุ 27 ปี พบว่า มีอาชีพเก็บกล้วยไม้ป่า มีท่าทีพิรุธ ตรวจสอบตามร่างกายพบรอยขีดข่วน เมื่อเค้นสอบ ผู้ต้องหารับสารภาพเป็นผู้ลงมือฆ่านักท่องเที่ยวชาวสวิสจริง เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบปากคำก่อนขอศาลออกหมายจับต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีแพทย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้ามาเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งตรวจสอบเปรียบเทียบกับหลักฐานที่พบในตัวผู้เสียชีวิต ซึ่งรายงานข่าวเบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องหามีบาดแผลเป็นทางยาวด้านข้างลำตัวด้านขวา ตั้งแต่เอวขึ้นไป ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่า บาดแผลดังกล่าวเกิดจากการต่อสู้กับผู้ตายและล้มไปโดนโขดหิน
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การว่า วันเกิดเหตุได้เดินทางไปเก็บของป่า จำพวกกล้วยไม้ ก่อนพบนางนิโคล ซาเวน ไวส์คอป เข้ามาที่บริเวณจุดเกิดเหตุ จึงเข้าไปหมายจะข่มขืน แต่ผู้ตายไม่สนใจ อีกทั้งขัดขืน จึงได้ลงมือก่อเหตุ
มีรายงานว่า จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายธีรวัฒน์เคยถูกดำเนินคดีเมื่อปี 2563 ในฐานความผิดครอบครองยาเสพติด นอกจากนี้ยังพบว่า นายธีรวัฒน์ มีชื่อเล่นว่า “บังหลี” สมัยวัยรุ่นเป็นนักมวยเดินสายชกตามเวทีต่างๆ ก่อนชีวิตพลิกผันไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
2.ผู้ติดเชื้อโควิดในไทยยังพุ่ง “ในหลวง-พระราชินี” ทรงห่วง ปชช. พระราชทานทรัพย์ 188.7 ล้านบาท ช่วยแก้วิกฤตโควิด!
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังหนักทะลุ 2 หมื่นรายต่อวัน โดยเมื่อวันที่ 1 ส.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,027 ราย ผู้เสียชีวิต 133 ราย, วันที่ 2 ส.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,970 ราย ผู้เสียชีวิต 178 ราย, วันที่ 3 ส.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,901 ราย ผู้เสียชีวิต 147 ราย, วันที่ 4 ส.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20,200 ราย ผู้เสียชีวิต 188 ราย, วันที่ 5 ส.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20,920 ราย ผู้เสียชีวิต 160 ราย, วันที่ 6 ส.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21,379 ราย ผู้เสียชีวิต 191 ราย และล่าสุด 7 ส.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21,838 ราย ผู้เสียชีวิต 212 ราย
ด้านที่ประชุม ศบค.เมื่อวันที่ 1 ส.ค. มีมติเห็นชอบปรับระดับพื้นที่ โดยเพิ่มพื้นที่สีแดงเข้มจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด โดย 16 จังหวัดที่เพิ่มขึ้นมา ประกอบด้วย กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง
ส่วนความพยายามให้ผู้ป่วยโควิดเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็วนั้น เมื่อวันที่ 4 ส.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยว่า ผู้ที่ตรวจหาเชื้อโควิดด้วยตนเองด้วยชุดทดสอบแอนติเจน เทสต์ คิด (ATK) หากผลเอทีเคเป็นบวก เรียกว่า ผู้ติดเชื้อเข้าข่าย สามารถรับยาและรักษาแบบแยกกักตัวที่บ้านได้ทันที หากต้องเข้าแยกกักตัวในชุมชน หรือในสถานพยาบาล ผู้ติดเชื้อเข้าข่ายควรได้รับการตรวจด้วยวิธีอาร์พี-พีซีอาร์ (RT-PCR) คู่ขนาน และระหว่างรอผลตรวจยืนยัน จะต้องพยายามแยกออกจากผู้ป่วยโควิด เนื่องจากผลตรวจด้วยเอทีเค ให้ผลบวกลวงได้ถึงร้อยละ 3-5 ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลสายด่วนได้ที่ กรมควบคุมโรค โทร 1422
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 ส.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เชิญเงินพระราชทาน จำนวน 88,800,000 บาท ไปถวายแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร สมทบทุนแก่วัดต่างๆ ที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย สถานที่กักตัว และที่ฌาปนกิจศพ
จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เชิญเงินพระราชทาน จำนวน 99,900,000 บาท ไปมอบแก่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโรงเรียน สถาบันอาชีวศึกษา มหาวิทยาลัยต่างๆ และเหล่าทัพ ที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย และสถานที่กักตัวทั่วประเทศ รวมเป็นเงินที่ได้พระราชทานในครั้งนี้จำนวน 188,700,000 บาท เพื่อใช้ในการจัดหาชุดป้องกันส่วนบุคคล (ชุด PPE) เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ พร้อมทั้งสนับสนุนค่าสาธารณูปโภค ค่าซ่อมแซมปรับปรุง อาคารสถานที่ ค่าบำรุงเมรุ และค่าดำเนินการฌาปนกิจศพ
ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยประชาชน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดหาอุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์พระราชทาน อีกทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย รถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ และรถต่อพ่วงชีวนิรภัย พระราชทานแก่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อใช้รับมือการแพร่ระบาดที่มีอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ประชาชนทุกพื้นที่เข้าถึงการตรวจและการรักษาอย่างทันท่วงที โดยตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้พระราชทานเงินช่วยเหลือแล้ว 1,051 ล้านบาท เมื่อรวมกับที่ได้พระราชทานในครั้งนี้ เป็นเงินพระราชทานทั้งสิ้นกว่า 1,240 ล้านบาท
เป็นที่น่าสังเกตว่า ความพยายามในการรักษาหรือลดความรุนแรงของโควิด-19 ในผู้ป่วย ขณะนี้บางพื้นที่เริ่มออกมาการันตีมากขึ้นเรื่อยๆว่า ฟ้าทะลายโจรช่วยลดความรุนแรงของอาการป่วยจากโควิด-19 ได้ โดยเมื่อวันที่ 2 ส.ค. นายสมพงษ์ ทองหนูนุ้ย นายอำเภอบึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ เผยความคืบหน้าคลัสเตอร์โรงงานแปรรูปไก่ ซึ่งเป็นพนักงานของโรงงานบริษัท โกลเด้นไลน์บิสซิเนส จำกัด ติดโควิด 3,481 ราย ว่า ล่าสุดผู้ติดเชื้อทั้งหมดไม่มีอาการรุนแรง ขณะที่ทางโรงงานใช้ระบบรักษา นอกจากจะเน้นการให้ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรแล้ว ยังใช้สมุนไพรหลายชนิดทำวิธีสุ่มยา (อบสมุนไพร) หลังจาก 7 วันไปแล้ว จากการสุ่มตรวจอาการไปราว 260 ราย ปรากฏว่า ผลตรวจเป็นลบกว่า 200 ราย หรือราวร้อยละ 80 อย่างไรก็ตาม หากครบ 14 วัน จะตรวจหาเชื้ออีกครั้ง มั่นใจว่า ผลตรวจน่าจะพบเป็นลบหรือปลอดเชื้อเกือบทั้งหมด หรือเกือบ 100%
นายสมพงษ์ เผยด้วยว่า “ในส่วนของผู้ติดเชื้อในชุมชนรอบโรงงาน 3 หมู่บ้าน 138 ราย ก็เช่นกัน ขบวนการรักษา ซึ่งเน้นการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรควบคู่ไปกับการใช้วิธีสุ่มยาตั้งแต่วันแรกๆ และจากการเฝ้าติดตามอาการ ทุกคนไม่มีอาการรุนแรง แต่หลังผ่านไป 7 วัน อาการทุกอย่างอยู่ในภาวะปกติ จากการสุ่มตรวจอาการ พบอาการเป็นสีเขียวราว 50% คาดว่าถ้าครบ 14 วัน อาการก็น่าจะหายเป็นปกติเกือบทั้งหมด”
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี) ได้ออกมาเตือนว่า ไวรัสกลายพันธุ์เดลต้า ซึ่งพบครั้งแรกในอินเดีย ขณะนี้กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดอยู่ทั่วโลกแล้ว และดูเหมือนจะมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าไวรัสโควิดก่อนหน้านี้ โดยเดลต้าสามารถติดต่อได้ง่ายเหมือนอีสุกอีใส และแพร่ระบาดได้เร็วกว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่ธรรมดาด้วย นอกจากนี้ยังมีการอ้างผลวิจัยจากจีนที่ชี้ว่า ไวรัสกลายพันธุ์เดลต้าสามารถขยายตัวในร่างกายมนุษย์มากกว่าไวรัสดั้งเดิมถึง 1,000 เท่า ซึ่งเน้นย้ำให้เห็นถึงอันตรายอันใหญ่หลวงที่จะเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่
3. ศาลพิพากษาประหารชีวิต “เสี่ยบรรเจิด” จ้างวานฆ่า “พระหมอ” ขณะที่มือปืน-ผู้ร่วมขบวนการเจอคุกตลอดชีวิต!
ความคืบหน้าคดีฆ่าพระหมอ ซึ่งเป็นเหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 1 มี.ค. 2558 ที่บริเวณถนนทางไปวัดป่าตอสีเสียด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีคนร้ายเป็นชาย 2 คนดักซุ่มยิงพระอาจารย์บัณฑิต สงวนแก้ว หรือพระหมอ หรือ นพ.บัณฑิต สงวนแก้ว อายุ 48 ปี เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด เสียชีวิตคาทางเข้าสู่วัด ขณะกลับจากบิณฑบาตในหมู่บ้าน
หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ในขณะนั้น ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผช.ผบ.ตร. (ยศขณะนั้น) นำทีมกองปราบปราม ทีมสืบสวนภาค 4 ทีมสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ลงพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย โดยมี พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา ผบก.สส.ภ.4 (ขณะนั้น) พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ฯ, พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรฯ (ขณะนั้น), พ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบก.สส.ภ.4 (ขณะนั้น), พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม ผกก..สส.ภ.4 (ขณะนั้น), พ.ต.ท.กิตติพงษ์ จิตรคาม รอง ผกก.ฯ, พ.ต.อ.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผกก., พ.ต.ท.สมภพ กองสมบัติ สว.สส.ฯ พร้อมทีมสืบสวนเกาะติดคดีอย่างใกล้ชิด
ต่อมาวันที่ 27 มี.ค.2558 ศาลมณฑลทหารบกที่ 24 ได้ออกหมายจับผู้ต้องหา คือ นายบรรเจิด ฉัตรไพทูรย์ หรือเสี่ยบั๊ก ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลเอกอุดร คหบดีคนดังของอุดรธานี ในข้อหา ” บงการฆ่าพระหมอ เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด บ้านโนนเดื่อ ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ลงวันที่ 27 มี.ค.2558
จากนั้น ช่วงเย็นวันเดียวกัน ชุดติดตามฯ ได้นำกำลังเข้าควบคุมตัวนายบรรเจิด จาก รพ. เอกอุดรมาสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจภูธรอุดรธานี เบื้องต้น เจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ต่อมาได้มีการจับกุมนายปัญจ๋า หรือโบ้ ชารีแสน อายุ 49 ปี ผู้ต้องหายิงพระอาจารย์บัณฑิต และนำไปสู่การจับกุม ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ผบ.หมู่ ป. สภ.เมืองอุดรธานี หนึ่งในผู้ร่วมทีมสังหาร และให้การรับสารภาพว่า รับเงินค่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 3 แสนบาท ทั้งนี้ ในชั้นจับกุม ได้มีการซัดทอดจนนำไปสู่การจับกุมนายบุญนาค หงษาคำ ผู้ต้องหาที่ 4 ที่เป็นคนดูต้นทางด้วย
โดยคดีมีการสืบพยานยาวนานถึงปีที่ 6 กระทั่งเมื่อวันที่ 4 ส.ค. ศาลจังหวัดอุดรธานี ได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยศาลได้สั่งประหารชีวิต จำเลยที่ 3 คือ นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ ในฐานะผู้จ้างวานฆ่า จำเลยที่ 1-2 นายปัญจ๋า ชารีแสน และ ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ขณะที่จำเลยที่ 4 นายบุญนาค หงษาคำ ศาลพิพากษายกฟ้อง
สำหรับพระอาจารย์บัณฑิต สุปัณฑิโต หรือ “พระหมอ” สิริอายุรวม 48 ปี จบแพทยศาสตร์บัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มรับราชการที่โรงพยาบาลโนนสะอาด จ.อุดรธานี ย้ายมาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลไชยวาน จ.อุดรธานี และผู้อำนวยการโรงพยาบาลนายูง ลาออกจากราชการเพื่ออุปสมบท ณ วัดโพธิสมภรณ์ (พระอารามหลวง) อุดรธานี โดยมีพระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป) หรือหลวงปู่ใหญ่ เป็นพระอุปัชฌาย์
“พระหมอ” มาบุกเบิกสร้างวัด และเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ขณะเดียวกันได้ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพหลวงปู่ใหญ่ และดูแลการก่อสร้างพระบรมธาตุธรรมเจดีย์ วัดโพธิสมภรณ์, ปรับปรุงหอเมตตาธรรมบำบัดวิกฤติ (CICU) รพ.ศูนย์อุดรธานี จนเช้าวันที่ 1 มีนาคม 2558 เวลาประมาณ 07.20 น. นายปัญจ๋า หรือโบ้ ชารีแสน ได้ใช้อาวุธปืนสงครามลอยสังหาร ขณะที่พระหมอกลับจากการบิณฑบาตกำลังจะถึงวัด โดยมี ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ดูต้นทางและขับรถ
ทั้งนี้ ทีมงานสืบสวนได้ทิ้งประเด็นความขัดแย้งเรื่องที่ดินวัด เมื่อพบมีการตรวจสอบประวัติ “พระหมอ” ผ่านทางทะเบียนราษฎร เข้าไปเกี่ยวข้องกับนายบรรเจิดฯ ที่อ้างให้คนใกล้ชิดตรวจสอบ เพราะต้องการบริจาคเงินสร้าง หอเมตตาธรรมบำบัดวิกฤติ (CICU) รพ.ศูนย์อุดรธานี โยงไปสู่ “หมอแก้ว” ที่ลาออกจาก รพ.ที่นายบรรเจิดฯ บริหาร แล้วไปปฏิบัติธรรมที่ “วัดป่าตอสีเสียด” จึงน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ซึ่ง ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาล ซัดทอดนายบรรเจิด อ้างว่า “พระหมอ” มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
4. “ทอยทอย” นักแสดงหนุ่มซีรีส์ดัง ก่อเหตุแทงแฟนสาว 20 แผล ดับคาบ้านพัก ด้านศาลไม่อนุญาตประกันตัว เหตุพฤติการณ์ร้ายแรง!
เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ตำรวจ สน.คันนายาว ได้รับแจ้งเหตุมีหญิงถูกมีดแทงเสียชีวิต ที่บ้านพักหลังหนึ่ง ถ.เลียบคลอง 2 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น ที่ห้องนอนชั้น 2 พบร่าง น.ส.ชัชสรัญ สุวรรณกิจ หรือพิม อายุ 25 ปี นอนหงายอยู่ข้างเตียงนอน พบมีแผลกว่า 20 จุดตามร่างกาย ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นแฟนหนุ่มของผู้เสียชีวิต คือ นายธนภัทร หรือ ทอยทอย อายุ 21 ปี นักแสดงหนุ่ม พระเอกในละครซีรีส์ทางทีวีดังช่องหนึ่ง กำลังยืนรอมอบตัวกับตำรวจด้วยสีหน้าตื่นตกใจ โดยข้างลำตัวพบมีดปอกผลไม้ปลายแหลมความยาวประมาณ 5 นิ้ว ตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายธนภัทร ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนกับแฟนสาวนั่งดื่มเบียร์กันอยู่ที่ห้องด้านล่าง กระทั่งเวลา 22.00 น. ตนกับแฟนสาวก็ได้ขึ้นห้องนอน สักครู่ก็เกิดมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องที่ตนต้องทำงานในวงการบันเทิง ก่อนที่แฟนสาวจะพูดขึ้นมาในทำนองว่า ให้ตนเก็บของออกไปจากบ้าน
จากนั้นตนจึงได้เก็บสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัว แต่ น.ส.ชัชสรัญ ก็ยังไม่หยุดพูด ก่อนเดินลงชั้นล่างไปหยิบมีดปอกผลไม้ที่ห้องครัวแล้วเดินกลับขึ้นมาที่ห้องนอน จากนั้นก็มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง มีการยื้อแย่งมีดกัน จึงเป็นเหตุให้แฟนสาวถูกแทงเข้าที่หน้าอกหลายครั้งจนเสียชีวิต
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เชื่อคำให้การของนายธนภัทร จะสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนส่งศพ น.ส.พิม ไปชันสูตรที่ รพ.ตำรวจ และติดต่อให้ญาติมารับไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
จากการตรวจสอบ ยังพบด้วยว่า ผู้เสียชีวิตเคยโพสต์ภาพใบรับรองแพทย์ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เมื่อปี 2562 โดยระบุว่า ส่วนหนึ่งมาจากการที่โดนทำร้ายจากคนที่รักทั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน และเป็นจุดเริ่มต้นในการป่วยซึมเศร้าและไบโพลาร์ มาเป็นเวลา 2 ปีกว่า นอกจากนี้ยังพบอีกว่า เจ้าตัวได้โพสต์ภาพขับรถเบนซ์หรู ไม่ทราบรุ่นและทะเบียน สีขาว ชนท้ายรถกู้ภัยขณะกำลังจอดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่แยกพระราม 9-ประดิษฐ์มนูธรรม เมื่อช่วงเช้ามืดเดือน ก.พ. 2564
หลังเกิดเหตุดังกล่าว รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ วันที่ 6 ส.ค. โดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” เผยว่า ทนายและทอยทอย เผยว่า ผู้ตายแทงตัวเอง แต่เรื่องนี้ต้องรอไปพิสูจน์ต่อไป เพราะคนตายพูดไม่ได้ เนื่องจากอยู่กันแค่สองคนในที่เกิดเหตุ ขณะที่เพื่อนผู้ตาย ไม่เชื่อว่า พิมจะไปหยิบมีดมาแทงตัวเอง หรือทำร้ายใคร
ขณะที่ทวิตเตอร์ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์เดือดและค่อนข้างแปลกใจ ที่มีคนให้กำลังใจฝ่ายชาย บอกให้สู้ๆ เดี๋ยวก็ผ่านไป ซึ่งมองว่า ไม่น่าต้องไปให้กำลังใจขนาดนั้น พร้อมเผยว่า ทอยทอยเพิ่งคบหาพิมได้เดือนเดียวเท่านั้น โดยก่อนคบกัน พิมมีอาการโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว หลังเลิกรากับแฟนเก่า
ขณะที่ พ.ต.อ.วาสุเทพ คงกล่อม ผกก.สน.คันนายาว เผยว่า ผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นคนแทงจริง แต่จำนวนกี่ครั้ง เขาก็ยังตอบไม่ได้ คือเหมือนว่าเขายังตกใจอยู่ เขาก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมมันไปถึงตรงนั้นได้ไง เพราะคำให้การเบื้องต้นคือทะเลาะกัน คนตายไล่ให้เขาออกจากบ้าน เขาก็กำลังจะเก็บของออกจากบ้าน ผู้หญิงก็มาพร้อมกับมีด แต่ไม่ได้มีลักษณะจะเอามีดมาทำร้ายเขา เขาก็กลัว เขาก็เอามือปัดมีดจนตกลงจากพื้น แต่ผู้หญิงก็เข้ามาทำร้ายในลักษณะตบตี ขีดข่วน และเขาก็หยิบมีดขึ้นมาป้องกันตัว แต่ด้วยอารมณ์ชั่ววูบหรือเป็นการกระทำที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน และมีดมันด้านเดียว จะช่วยแทงกันยังไง เพราะถ้าเขาแทงและผู้หญิงช่วยแทง มันจะขัดแย้งกับข้อเท็จจริง
ถ้าเขาอ้างว่าป้องกันตัว ตามกฎหมายคือถ้ามีอันตรายที่ใกล้จะถึงตัว ก็ต้องดูว่ามันมีอันตรายใดๆ จากคำให้การของผู้ต้องหาว่ามีการดื่มเบียร์ ดื่มทั้ง 2 คน 3 ขวด แต่ตัวผู้ต้องหาบอกว่าตัวเองดื่มไม่มาก เพราะกำลังตรวจเช็กสัญญาอยู่ แต่ฝั่งผู้เสียชีวิตดื่มมากกว่า ส่วนถ้าเขาจะบอกว่าเป็นการพลั้ง ถ้าพลั้งก็ต้องแผลเดียว ถ้ามันหลายแผล มันจะพลั้งยังไง ก็ต้องมีคำอธิบาย
ล่าสุด (7 ส.ค.) พนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ได้สอบปากคำนายธนภัทรเพิ่มเติม หลังสอบปากคำ ผู้สื่อข่าวได้ถามนายธนภัทรว่า มีอะไรอยากจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายธนภัทร กล่าวมาด้วยสีหน้าที่เศร้าว่า อยากขอโทษพิมและแม่เขา แต่ผมอยากไปขอโทษต่อหน้ามากกว่า
ด้าน พ.ต.ท.วีระ งามเลิศ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.คันนายาว เผยว่า ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นพนักงานสอบสวน พร้อมกับอ้างว่าจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น
จากนั้น พนักงานสอบสวนได้นำตัวนายธนภัทรขึ้นรถไปขอฝากขังต่อศาลอาญามีนบุรี พร้อมคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน
ด้านผู้ต้องหาได้ยื่นขอประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 100,000 บาท และยินยอมจะติดอุปกรณ์กำไล EM สำหรับติดตามตัวระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว แต่ศาลอาญามีนบุรี พิเคราะห์คำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาแล้ว เห็นว่า พฤติการณ์ในการกระทำตามคำร้องเป็นเรื่องร้ายแรง คดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้าน หากให้ปล่อยตัวชั่วคราว เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง
5. “น้ำ” มิสแกรนด์ เข้ารับทราบข้อหาหมิ่นนายกฯ- ครม. ชี้ รบ.ควรสำเหนียกว่าตัวเองอยู่จุดไหน ยัน ถ้าแพ้คดี ยอมติดคุก!
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. น.ส.พัชรพร จันทรประดิษฐ์ หรือน้ำ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ดูหมิ่นโดยการโฆษณา หลังถูกนายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และทนายความของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แจ้งความดำเนินคดี หลังออกมาโพสต์โซเชียลแสดงออกทางการเมืองโจมตีนายกรัฐมนตรีและการบริหารงานของรัฐบาลว่าผิดพลาดในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด โดยมีนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล เดินทางมาด้วย
ภายหลังเข้ารับทราบข้อหา น.ส.พัชรพร เผยว่า ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และว่า สิ่งที่พูดอ้างมาจากข้อมูลจริง และคิดว่าตัวเองเป็นเด็กคนหนึ่งที่เรียกว่าประชาชน ถ้าวันนี้พูดไม่ได้แล้วจะพูดได้เมื่อไหร่
ขณะที่นายณวัฒน์ กล่าว เสริมว่า วันนี้น้องน้ำถูกแจ้ง 3 ข้อหา คือ 1.พ.ร.บ.คอมพ์ 2.หมิ่นประมาท 3.หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา น้องน้ำได้ปฏิเสธทุกข้อหา สิ่งที่เขาตีความ เป็นการดูหมิ่นเหยียดยามคุณค่าดูถูกนายกฯ และคณะรัฐมนตรีบริหารประเทศไม่ดี ทำให้นายกฯ และรัฐมนตรีถูกดูหมิ่นจากการที่น้ำพูดเรื่องวัคซีนที่เลือกไม่ได้และการไม่ดูแลประชาชน ส่วนที่พาดพิงถึงนายอนุทิน ชาญวีรกุล รมว.สาธารสุข ว่า “วัคซีนไม่ให้เลือก เลือกไม่ได้ ฉีดเท่าที่มี ประชาชนเลือกไม่ได้” น้ำเห็นว่าไม่ถูกต้อง จึงถูกแจ้งความดำเนินคดี
ส่วนอีกอันหนึ่งที่น้ำพูดว่า เห็นชีวิตของคนไทยเป็นผักเป็นปลา ทำธุรกิจบนความเป็นความตาย เขาเห็นว่าเป็นการใส่ร้ายบิดเบือนความจริง เข้าสู่ระบบคอมฯ ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายสับสนหวาดกลัว และอาจเป็นสาเหตุให้คนไทยติดเชื้อโควิดมากขึ้น วันนี้น้ำกลายเป็นผู้ต้องหาครั้งแรกในชีวิตในอายุ 23 ปี กับนายกฯ และรัฐมนตรี ผลงานเป็นที่ประจักษ์ ปัจจุบันคนไทยต้องตายข้างถนน คุณดูแลคนไทยได้หรือไม่ ไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย
ก่อนหน้าบอกจะมีวัคซีนหลายล้านโดส จนวันนี้ยังไม่เห็นมีอะไร ถ้าวันนี้ยังฉีดกันแบบนี้จนถึงสิ้นปี ก็ไม่ได้ตามที่รัฐบาลพูด ผมถามว่าทั้งหมดทั้งมวลในฐานะประชาชนคนไทยวิจารณ์ไม่ได้เชียวเหรอ ทุกวันนี้มีผู้ติดเชื้อ 2 หมื่นคน ตายเกือบ 200 มีสงครามไหนที่ตายเกือบ 200 คนทุกวันไม่มีหรอก เพราะฉะนั้นอย่ารังแกประชาชนเลย การปล่อยให้เขาตายเหมือนหมาข้างถนนก็เจ็บพอแล้ว แต่ยังจะเอากฎหมายมาปิดปากอีก มันไม่ไหวแล้วมันเกินไป
ด้าน “น้ำ” กล่าวเสริมว่า ถ้าแพ้คดี น้ำยอมเข้าคุก จะได้รู้ว่าสิ่งที่เราพูด รัฐบาลตอบสนองกับเราอย่างไร สิ่งที่พูด พูดเพื่อให้รัฐบาลคิด สำนึกและสำเหนียกตัวเองว่าตัวเองอยู่ในจุดไหน แล้วมาอยู่จุดนี้เพื่ออะไร เราไม่ได้บังคับให้คุณมา คุณมาด้วยใจของคุณ การถูกวิจารณ์เป็นเรื่องปกติ ยืนยันว่าเดินหน้าเรียกร้องต่อ ถ้าเราไม่พูดแล้วใครจะพูด ประชาชนเสียงไม่ใหญ่เขาก็มาพึ่งเรา ฉันมีกินมีชื่อเสียงเพราะประชาชน
ด้านนายณวัฒน์ กล่าวอีกว่า อย่าลืมว่านายกฯ และรัฐมนตรี คุณคือลูกจ้างของเรา ใช้เงินภาษีประชาชน เมื่อไหร่ที่หันไปใช้เงินของตัวเองได้ เราจะไม่ตำหนิ ในเมื่อเอาเงินภาษีเราไปใช้ บอกไม่ได้ว่าควรเอาไปซื้ออะไร แต่กลับมาออกกฎหมายแปลกควบคุมเรา ยัดข้อหาบ้าง เคยพิจารณาตัวเองไหมวันนี้ ประเทศไทยดิ่งเหวขนาดไหน อนาถขนาดไหน พวกคุณไม่เคยลืมตารับรู้ ตอบคำเดียวคือไม่รู้ เป็นคำตอบที่สบายใจของพวกคุณ แต่คนไทยลำบากทั้งประเทศ ถ้าคุณอาสามา ต้องรับฟังคำที่เราพูด คุณต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่รับชอบแต่ไม่รับผิด
ด้านพนักงานสอบสวน เผยว่า คดีนี้ นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้าแจ้งความที่ สน.นางเลิ้ง ให้ดำเนินดคีศิลปินดาราจำนวน 3 ราย คือ น.ส.ดนุภา คณาธีรกุล หรือ มิลลิ, น.ส.พัชรพร จันทรประดิษฐ์ หรือ น้ำ มิสแกรนด์ฯ และนายยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้เขียนบทภาพยนตร์ชื่อดัง ซึ่งขณะนี้ น.ส.ดนุภา และ น.ส.พัชรพร เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงนายยุทธเลิศ ที่ยังไม่ติดต่อว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวนวันไหน