ยิ่งคุณ “บัณฑิต ศิริพันธุ์” เป็นทนายด้วยแล้ว อะไรๆ ที่ทำไว้กับพี่น้องชาวใต้ ตายกันเป็นร้อยๆ ในเหตุการณ์ “กรือเซะ-ตากใบ”
แทนที่จะเลือนหาย จนเป็นคุณกับทักษิณและเพื่อไทย
กลับเหมือนถึงเวลา “กรรมเช็กบิล” เมื่อทักษิณนำคำที่ประธานชวนบรรยาย ตอนหนึ่ง ที่ว่า…..
“…เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี กลับใช้คำว่า ‘โจรกระจอก’ และมีการยกเลิกศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) หันมาใช้นโยบาย ‘ฆ่าหมดก็จบ’ ตรงนี้ คือที่มาของการนองเลือดในปัจจุบันนี้…”
ให้ทนายไปฟ้องว่า ประธานชวน “หมิ่นประมาท”!
เมื่อถึงศาล ก็จะเหมือนคดีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญฟ้อง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ว่าหมิ่นประมาท
กรณีตัดสินให้ “ทักษิณพ้นผิด” ในคดีซุกหุ้น
และคดีทักษิณฟ้อง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” สมัยเป็นรองนายกฯ ที่อภิปรายว่า “ทักษิณชอบระบอบประธานาธิบดี” นั่นแหละ
นอกจากศาลยกฟ้องแล้ว ที่แสบสัน คือ…..
ความเลวร้ายในพฤติกรรมทักษิณตอนเป็นนายกฯ อะไรๆ ที่ริและยำไว้ คนไม่รู้-ไม่เห็น
เมื่อคดีสู่ศาล ถูกทนายจำเลย ขุดออกมาตีแผ่ให้คนทั้งโลกได้รู้-ได้เห็น จนหมดสิ้น!
นี่ก็ใกล้เลือกตั้ง ฝันหวานเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ ลูกน้องเพ้อเจ้อถึงขั้นตั้งรัฐบาลกันแล้ว
เหมือนกรรมลงทัณฑ์ จู่ๆ คดีที่ทักษิณฟ้องประธานชวนคาไว้เกือบ ๑๐ ปี เหลืออีก ๒ วัน จะหมดอายุความ
ก็ระเบิดเปรี้ยง…. คนตาย ไม่ใช่จำเลย
น่าจะเป็นโจทย์มากกว่า เมื่อคดีเข้าสู่ “กระบวนการศาล”
พอดีแหละ เลือกตั้ง ๖๖…..
ระหว่างกวาดไส้เน่านายใหญ่ที่ถูกลากออกมา นำไปฌาปนกิจ กับการแลนด์สไลด์ เดาไม่ถูกว่า งานไหนจะมาก่อน?!
ขณะนี้ ระหว่าง ๒๖-๒๙ ตุลา. ประธานชวนเป็นเจ้าภาพ “ประชุมรัฐสภาภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก” ใช้ “สัปปายะสภาสถาน” อันสุดแสนอลังการ
ด้วยสถาปัตยกรรมประยุกต์ธรรมชาติ ดำรงเอกลักษณ์ไทย อิงแนบสายน้่ำแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นสถานที่จัดงานด้วยแล้ว
คณะทูตานุทูต ๒๒ ประเทศรัฐสภา จากสมาชิกทั้งหมด ๒๘ ประเทศ และประเทศผู้สังเกตการณ์อีก เช่น จีน รัสเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย เป็นต้น ร่วมประชุม
งานเลี้่ยงยามค่ำคืน……
แขกเหรื่อได้สัมผัสบรรยากาศนั้นแล้ว ยากนักที่ใครจะไม่ดื่มด่ำ
ที่เซอร์ไพรส์และประทับใจ น่าจะเป็นตอนที่ “ประธานชวน” ขึ้นไปเป่าแซ็กโซโฟน เพลงพระราชนิพนธ์ “ชะตาชีวิต” H.M.Blues และเพลง “ลอยกระทง”
พูดไปก็เหมือน “ชมบ้านตัวเอง” ประเทศไทยเรา ตอนนี้มีแต่คนหูหนวก-ตาบอดเท่านั้นที่ไม่รู้จัก
ตอนนี้ คนกว่าครึ่งค่อนโลก ต่างจดลงในปฏิทินชีวิตว่า “ครั้่งหนึ่งในชีวิต” ต้องมาที่ประเทศไทย!
ประชุมรัฐสภา เอเปกเดือนหน้า และอีกเป็นสิบ-เป็นร้อยงาน ระดับโลก เอากันง่ายๆ สั้นๆ นับจากนี้ไปอีก ๕ ปี คือจากปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐
งานอีเวนต์ “ระดับโลก” จะถูกจัดขึ้นในบ้านเรามากมาย ถึงขั้นพูดได้ว่า “ไทยคือหัวบันไดโลก”
ใครจะรบกัน ตีกัน ก็ตีกันไป แต่ที่ไทยคือ “สวรรค์บนดิน” ในอุษาคเนย์ ที่คนจากสารทิศหลั่งไหลมาสู่
๕๐ ปีก่อน ชาวโลกพูด “ไทยคือบางกอก” และ “บางกอกคือประเทศไทย”
แต่วันนี้ คำนั้นไม่มีแล้ว ทุกภาค-ทุกจังหวัด ได้รับการพัฒนาตามฐานานุรูปทั่วถึง ความก้าวหน้า การศึกษา การค้า การอุตสาหกรรม กระจายไปทุกจังหวัด
ไม่ทราบว่า รู้กันหรือยัง?
“สมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ” (The International Association of Horticultural Producers หรือ AIPH)
ลงมติเลือก “ประเทศไทย” ให้เป็นเจ้าภาพจัด “มหกรรมพืชสวนโลก ๒๕๖๙” ที่อุดรธานี
เป็น “แลนด์มาร์กอีเวนต์” ครั้งแรกใน “อนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง”
เรียกง่ายๆ ว่า “EXPO พืชสวนโลก 2026” ระหว่าง ๑ พ.ย.๒๕๖๙-๑๔ มี.ค.๒๕๗๐ ร่วม ๕ เดือนเลยทีเดียว
อีสานทั้งภาค และกลุ่มอนุภาคลุ่มน้ำโขง ทั้งจีน เวียดนาม ลาว เขมร พม่า ไทย
“อุดรธานี” เป็นศูนย์กลาง
ประมาณการว่า จะมีผู้คนไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านคน หลั่งไหลมาชมงาน EXPO พืชสวนโลก!
เมื่อมาชมงานแล้ว ไม่มีใครมาที่เดียวหรอก ทั้งภาคอีสาน โดยเฉพาะจังหวัดใกล้เคียง เตรียมตัวรับมือนักท่องเที่ยวกันให้พร้อมเถอะ
เงินทอง นับวันจะไหลมาสู่อีสาน ….
งานนี้ ทุ่มงบกว่า ๒,๕๐๐ ล้านบาทกันเลยทีเดียว!
“มหกรรมพืชสวนโลก” หน้าตาเป็นยังไง ทำไมต้องใช้เงินถึง ๒-๓ พันล้าน ตรงนี้หลายท่านอาจหลับตาจินตนาการไม่เห็นภาพ รวมทั้งผมด้วย
แต่ผมเคยเห็นงานระดับ EXPO มาบ้าง ต้องบอกว่า มันไม่ใช่งานจัดสวนหน้าบ้าน-หลังบ้านแบบนั้่น
EXPO พืชสวนโลก ที่อุดรฯ อีก ๔-๕ ปีที่จะถึงนี้ เขาตั้งโจทย์มาให้ภายใต้แนวคิดว่า
“Diversity of Life: Connecting Water, Plants, and People for sustainable living
“ความหลากหลายแห่งสรรพชีวิต: สายสัมพันธ์แห่งน้ำ พืชพรรณ และผู้คน สู่การดำรงชีวิตที่ยั่งยืน”
สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำของจังหวัดอุดรธานี ที่สร้างความเชื่อมโยงระหว่างสายน้ำ ทรัพยากรธรรมชาติ และผู้คนในท้องถิ่นเข้าไว้ด้วยกัน
คอนเซ็ปต์นี้ เหมือนคอนเซ็ปต์ “สวนป่าเบญจกิติ” ย่านคลองเตย ที่ขึ้นชื่อระบือนาม เทียบระดับ Central Park ที่นิวยอร์ก อย่างนั้นเลยทีเดียว
โจทย์ EXPO พืชสวนโลก เขายังให้ผนวกแนวคิด “โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” (BCG) และนโยบายการเกษตรและอาหาร “3S” ด้วย
BCG พอรู้หมายถึงอะไร เพราะได้ยินนายกฯ ประยุทธ์ย้่ำการพัฒนาไปสู่ด้านนี้บ่อย
แต่ “3S” ยังใหม่หู ต้องขยายความนิด S แรก หมายถึง Safety “ความปลอดภัยทางอาหาร” S ที่สอง Security “ความมั่นคงทางอาหาร” และ
S ที่สาม Sustainability “การดำเนินงานสอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ”
ต้องบอกว่า “โจทย์หิน” ทีเดียว
ฉะนั้น การ “ออกแบบ” จึงเป็นหัวใจของงานนี้ ถึงขั้นต้องใช้งบ ๕๕ ล้านบาท เพื่อการ “ประกวดแบบ” กันทีเดียว!
แต่ผมชักเป็นห่วง….
ไม่ทราบจะบอกใคร ฝากสายลม-แสงแดดก็แล้วกัน เพราะมีข่าว แค่การประกวดแบบ เรื่อง “เงินทอน” ก็สะท้อนเข้าหูให้สะเทือนใจแล้ว
แถมจะงุบงิบตัดสิน โดยไม่มีการให้ผู้ส่งแบบประกวดเข้าพรีเซนต์งาน ยิ่งตอกย้ำข่าว “เงินทอน” ให้เป็นจริงมากขึ้น
ถ้าประกวดจัดสวนหน้า อบจ.จะเอากันตามสไตล์ “เสาไฟฟ้ากินรี” ก็เชิญกันตามสบาย
แต่นี่ “งานระดับโลก”
กราบหว่างขางามๆ ละพ่อคุณ “คอร์รัปต์วิรัติ” ไว้ซักงานเถอะ การออกแบบงานนี้
มันหมายถึงศักดิ์ศรี ศักยภาพและเป็นหน้าตาประเทศ โดยเฉพาะ “อุดรธานี” ถิ่นอีสานโดยตรง
ต้องคัดสรรเอางานออกแบบของผู้ออกแบบที่ฝีมือเข้าถึงคอนเซ็ปต์จริงๆ ทั้งงานภูมิสถาปัตยกรรม, สถาปัตยกรรม, การเกษตร และการเชี่ยวชาญด้านพืชสวนดอก
โดยเฉพาะ “จิตวิญญาณ” ผู้อกแบบ ต้องเข้าถึง
เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่าง “สายน้ำ…ทรัพยากรธรรมชาติ และผู้คนในท้องถิ่น” หลอมเป็นผลึกออกมาให้สมกับคำว่า “EXPO พืชสวนโลก”
ก็ดีใจขึ้นมานิด เมื่อทราบว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ยอมให้งุบงิบตัดสินแบบ ให้เปิดให้แต่ละบริษัทเข้าพรีเซนต์งาน ก่อนมีการลงมติจะเลือกแบบของใคร
เสาร์ที่ ๒๙ ตุลา.คือพรุ่งนี้….
เห็นว่า “เจ้าถิ่น” ยอมให้พรีเซนต์ แต่ป่านนี้ ก็ยังไม่แจ้งให้ผู้เข้าประกวดทราบ?
กรรมการตัดสินแบบ มี ๓ ฝ่าย
ฝ่ายจังหวัดที่มี “นายวิเชียร ขาวขำ” ในฐานะนายก อบจ.รวมอยู่ด้วย ช่วยเป็นหู-เป็นตา เอาบ้านเมือง-เอาชื่อเสียงเมืองอุดรธานีไว้ก่อนนะท่าน
๕๕ ล้านบาท “ค่าออกแบบ” อย่าให้ตกหล่นลงไปใต้โต๊ะใครได้เชียวนะ!
ส่วนฝ่ายกระทรวงเกษตรฯ และฝ่ายวิชาชีพ ผมไม่ห่วง พรุ่งนี้ ฝากใช้วิชาชีพ คัดเลือกแบบชนิด “ฝากชื่อ-ฝากนามประเทศ” และฝีมือสถาปัตยกรรมไทย ให้สมเป็น EXPO พืชสวนโลกด้วย
“อุดรธานี” เป็นเมือง “หลวงตามหาบัว”
ใคร “คิดชั่ว-ทำชั่ว” หลวงตาไม่ได้แช่ง แต่ท่านแจง “จุดจบ” ไว้แล้ว
ดู “ทิดแม้ว” เป็นตัวอย่าง!.
คนปลายซอย