สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงสืบสานพระศาสนาด้วยพระศรัทธาที่มั่นคง และทรงมีความเลื่อมใสศรัทธาในหลักคำสอนของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโนเป็นอย่างสูง ทั้งนี้ ทรงพระกรุณารับเป็นประธานโครงการพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) ณ พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคลฯ อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี โดยโปรดให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงเป็นประธานคณะผู้ออกแบบทั้งด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม ตลอดจนงานมัณฑนศิลป์และจัดระเบียบภูมิทัศน์โดยรอบ
โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จแทนพระองค์ ไปทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระเกตุมาลา”พระพุทธวิสุทธิมงคลศาสดา เจ้าฟ้าจุฬาภรณนฤมิต” พระประธานประจำวิหาร ซึ่งมีพุทธลักษณะปางมารวิชัยงดงาม และทรงเชิญอัฐิธาตุพระธรรมวิสุทธิมงคลในรัตนเจดีย์ขึ้นประดิษฐานบนบุษบกทองคำภายในเจดีย์ ซึ่งสร้างขึ้นตามแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมศิลปะล้านช้าง กับทรงเปิดโครงการพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) ณ พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคลฯ อย่างเป็นทางการ การนี้ ทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์บริเวณทางเข้าพิพิธภัณฑ์ ซึ่งได้รับมอบจากวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นสัญลักษณ์แห่งการตรัสรู้และความเจริญรุ่งเรืองต่อไป
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นพระเถระสายพระนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานชั้นผู้ใหญ่ของประเทศ ที่มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากให้ความเลื่อมใสในธรรมะคำสอน และการดำรงตนในสมณเพศ ด้วยเป็นผู้มีเมตตาบารมีเปี่ยมล้น กับการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยาก และเพื่อสาธารณประโยชน์ต่อเนื่อง โดยเฉพาะครั้งหนึ่งใช้ธรรมะช่วยเหลือวิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศเมื่อ พ.ศ. 2540 ริเริ่ม “โครงการผ้าป่าช่วยชาติ” ระดมทองคำและเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเข้าคลังหลวง ใช้เป็นทุนสำรองของประเทศในขณะนั้น
เมื่อท่านละสังขารไปวันที่ 30 ม.ค.2554 ศิษยานุศิษย์และผู้เลื่อมใสศรัทธาไม่เพียงน้อมนำในธรรมคำสอนพระอริยสงฆ์ผู้ถึงพร้อมด้วยญาณอันบริสุทธิ์ด้วยการสร้างอนุสรณ์สถานเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ และอัฐิธาตุขององค์หลวงตา รวมทั้งเป็นสถานที่เผยแผ่ธรรมเทศนา คติธรรมคำสอน และเก็บรักษาหนังสือธรรมะ ตลอดจนเครื่องอัฐบริขารขององค์หลวงตา เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธได้รำลึกถึงคุณูปการทั้งทางโลกและทางธรรม
สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เมื่อได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงยังวัดป่าบ้านตาดในหลายโอกาส ทรงศรัทธาหลักคำสอนของหลวงตาพระมหาบัวฯ เป็นอย่างสูง ทรงปวารณาพระองค์เป็นศิษย์และบุตรบุญธรรม อีกทั้งทรงยึดมั่นพระธรรมคำสอนหลวงตาเป็นหลักสำคัญทรงงาน และทรงพระกรุณารับเป็นประธานโครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ
สำหรับพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคลฯ สร้างขึ้นบนพื้นที่ 181 ไร่ 3 งาน 17 ตรว. แบ่งเป็นส่วนอาคารและภูมิทัศน์ 38 ไร่ ประกอบด้วย 3 อาคาร คือ พิพิธภัณฑ์ วิหาร เจดีย์ เป็นสถาปัตยกรรมศิลปะล้านช้าง ผสมผสานกับศิลปะยุคกรุงรัตนโกสินทร์ สื่อการสืบทอดพระพุทธศาสนาในถิ่นอีสานที่ยังคงดำรงอยู่อย่างมั่นคง แนวคิดออกแบบสถาปัตยกรรมให้ทั้ง 3 อาคาร ตั้งเป็นแนวเดียวกับจิตกาธานสถานที่ที่พระราชทานเพลิงศพสรีระสังขารหลวงตาพระมหาบัว เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2554 และเป็นแนวชี้ตรงไปถึงเมืองพุทธคยา อินเดีย สื่อความหมายว่า ศาสนพิธี ณ สถานที่แห่งนี้มีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประธานร่วมรับรู้ รวมถึงชาวพุทธที่มากราบสักการะอัฐิธาตุหลวงตาที่เจดีย์ยังมีโอกาสกราบจิตกาธานหลวงตาฯ และพระบรมศาสดาคราวเดียวกัน
ส่วนพิพิธภัณฑ์เป็นอาคารชั้นเดียวจัดแสดงนิทรรศการสื่อผสมผสานมัลติมีเดีย จำนวน 6 ห้อง ถ่ายทอดอัตชีวประวัติองค์หลวงตาพระมหาบัวฯ ตั้งแต่กำเนิดจนกระทั่งละสังขาร รวมถึงข้อวัตรปฏิบัติธรรรมเทศนา และคติธรรมคำสอนที่หลวงตาฯ มอบไว้เป็นมรดกธรรม และเป็นแบบอย่างดีงามแก่อนุชนรุ่นหลัง สถานที่นี้เป็นอนุสรณ์สถานสำคัญแด่หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) รอบแรกเวลา 09.30 น. รอบสุดท้ายเวลา 14.30 น.